สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส หรือ จูเวนตัส สโมสรม้าลาย (Juventus Football Club) หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของโลก สโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองตูริน และ เก่าแก่มากอีกหนึ่งสโมสรของประเทศอิตาลี มีชื่อเล่นว่า ยูเว่  ความสำเร็จมากมายภายใต้อัศวินชุดขาวดำ (Bianconeri)  แม้ว่าในก่อนหน้านี้จะมีฉายามากมายภายใต้ขุมกำลังนั้น เส้นทางที่ผ่านมาของสโมสรยูเวนตุสกับการเป็นแชมป์หลายรายการ เรียกได้ว่าบนพื้นแผ่นดินอิตาลี ทีมที่จะเป็นแชมป์ของลีกสูงสุดอิตาลีไม่มีทีมใดแกร่งเกินกว่านี้อีกแล้ว

แฟนทีมฟุตบอลยูเว่ในประเทศไทยก่อนหน้านี้จะออกเสียงชื่อทีมว่า จูเวนตัส ก่อนที่จะเปลี่ยนการเรียกเป็น ยูเวนตุส หรือ เรียกว่า ทีมม้าลาย

แฟนทีมฟุตบอลยูเว่ในประเทศอิตาลีก่อนหน้านี้จะเรียกด้วยฉายาของทีมว่า La Fidanzata d’Italia และ La Vecchia Signora (หญิงชรา) ได้มาในช่วงทศวรรษที่ 30 เนื่องจากภายในทีมประกอบนักเตะที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ทั้งสโมสร และ รับชัยชนะติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันสื่อต่างประเทศจะเรียกทีมสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสว่า Bianconeri (ขาว-ดำ) Juve (เด็กสาว) และ Le Zebre (ม้าลาย)

ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่เป็นสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของลีกอิตาลี กัลโช ซีเรียอา มาตรฐานของทีมสม่ำเสมอตลอดเวลา ทั้งยังมีเรื่องราวสุดดราม่าจากการปรับตกชั้นและก้าวขึ้นสู่ความเป็น King of Serie A ราวกับว่านี่เป็นเหมือนอีกหนึ่งเทพนิยายของวงการฟุตบอลก็ว่าได้

การคว้าสคูเด็ตโต (Scudetto)  ที่หมายถึงการเป็นแชมป์ของอิตาลี และ การคว้าดาวทองบนสคูเด็ตโตนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นมากกว่า เพราะจะต้องคว้า 10 สคูเด็ตโต ถึงจะมี 1 ดาวทอง ที่ปักลงบนอกเสื้อ และ ที่สำคัญในปัจจุบันทีมม้าลายมีถึง 3 ดาวทอง

ยูเว่เป็นทีมที่ล้มยากมากในลีกอิตาลี แต่ก่อนที่จะประสบความสำเร็จนั้น การเดินทางอย่างยาวนานย่อมต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ การจะประสบความสำเร็จได้ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายก่อนเสมอ

ทีมยักษ์ใหญ่ของวงการกัลโช ซีเรียอานั้น ถูกก่อตั้ง ขึ้นในปี ค.ศ. 1897  จาก นัดเรียนคนหนึ่งในตูริน โดยใช้ชื่อว่า Juventus Sport Club ก่อนที่ 2 ปีหลังจากนั้นจะเปลี่ยนชื่อเป็น Juventus Football Club และ ใช้ชื่อนี้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสรยูเวนตุส

A legend is born การเกิดขึ้นของตำนาน (1897-1939)

ในปี 1897 บนม้านั่ง Corso Re Umberto ใจกลางเมืองตูริน  การชุมนุมของกลุ่มเพื่อนๆในการเล่นฟุตบอล การก่อตั้งทีมฟุตบอลถูกจุดประกายการเริ่มต้นในครั้งนั้น ฟุตบอลเพื่อความสุขแห่งพ้องเพื่อน เด็กหนุ่มในโรงเรียน Massimo D’Azeglio โดยมีคนที่โตมากที่สุดเพียงแค่ 17 ปี เท่านั้น (Juventus ในภาษาละตินแปลว่า เยาวชน)

1 November 1897 Birth to a Legend.

ในปี 1900 แข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรายการ แข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติ

ในปี 1903 เปิดตัวสีประจำสโมสร เป็นสีขาว-ดำ

ในปี 1904 ใช้สนามสำหรับเตะสนามเหย้า คือ สนามเวโลโดรโมอัมเบรโต I

ในปี 1905 เป็นครั้งแรกที่สโมสรฟุตบอลยูเวนตุสได้รับชัยชนะเหนือทีมอื่นๆ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก แย่งชิงจากเจนัวได้สำเร็จ ถือว่าเป็น ทีมที่ 2 ที่แย่งแชมป์จากเจนัวได้ต่อจาก มิลาน

ในปี 1906 เกิดปัญหาขึ้นภายในทีมสโมสร เนื่องจากพนักงานและนักเตะได้เดินทางย้ายออกไปจากเมืองตูริน ทำให้เกิดความระส่ำระสายเพราะขาดนักเตะหลัก ทำให้ต่อสู้กับนักเตะสโมสรฟุตบอลโตริโน (สโมสรร่วมเมือง)ในศึก ดาร์บีเดลลาโมเล อย่างยากลำบาก

ในปี 1915 เกิดปัญหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ขาดแคลนนักเตะยิ่งกว่าเดิม เพราะนักเตะออกจากทีมเพื่อหลบหนีสงครามโลก เกือบทั้งทีม ยูเว่จึงใช้เวลาในการรวมทีมเพื่อสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ในปี 1919 นักเตะ 3 คน แรกที่ได้สวมเสื้อของ Juventus คือ ผู้รักษาประ Giacone และ กองหลังอีก 2 คน คือ Novo และ Bruna หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1

ในปี 1923 การควบคุมกิจการของสโมสรได้ตกไปอยู่กับ เจ้าขององค์กรธุรกิจรถยนต์ Fiat และสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ด้วยการซ่อมแซมสนามเดิม (จากการสูญเสียสนามเหย้าเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1) และ ภายในปีเดียวกันนั้นเองก็เกิดขึ้นซึ่งผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมของยุค คือ Giampiero Combi และ นักเตะคนอื่นๆเพื่อเสริมสร้างขุมกำลังพลเพื่อที่จะช่วงชิงเอาชัยชนะในการคว้าแชมป์

ในฤดูกาลปี 1925-1926 ยูเวนตุสกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง และวางรางฐานของการเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง

ในปี 1929 เปลี่ยนชื่อการแข่งขัน อิตาเลียนฟุตบอลแชมเปียนชิพเป็นกัลโชเซเรียอา

หลังจาก การเปลี่ยนแปลง ชื่อการแข่งขันทำให้ ในปี 1930-1935 ยูเว่ผูกขาดการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 5 สมัยติด และ 1930 เป็นปีแรกที่ยูเวนตุสได้เข้าแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป (European Cup) เป็นครั้งแรก หรือที่รู้จักกันในชื่อ Champions League  กับนักเตะชื่อดังในยุคสมัย ได้แก่  ไรมุนโด ออร์ซิ, ลูอิกี เบอร์โทลินี, จิโอวานนี เฟอร์รารี และ ลุยส์ มอนตี กลายเป็นเจ้าแห่งวงการลูกหนังอิตาลีของยุคสมัยนั้นทันที

ในปี 1933 สโมสรยูเวนตุสสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่อีกครั้งในชื่อ สตาดีโอโอลิมปิกโกดิโทริโน

The Dark Ages of the history of Juventus ยุคมืดแห่งประวัติศาสตร์ม้าลาย (1939-1971)

ในปี 1940 สโมสรยูเวนตุสกลับเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ล่วงเลยเวลานานนับ 10 ปี

กลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้งเของ Juventus เกิดขึ้นเมื่อถึงฤดูกาล 1949-1950 และ 1951-1952 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างหวือหวา ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวนักเตะก็ตาม

เปิดประวัติศาสตร์ใหม่ของทีมสโมสรยูเวนตุสอีกครั้งในฤดูกาล 1957-1958 ด้วยการซื้อกองหน้า โอมาร์ ซีโบรี นักเตะลูกครึ่งอิตาลี-อาร์เจนตินา (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป 1961) และ จอห์น คาร์เลส เพื่อเล่นกับ  กีอัมปีเอโร โบนีเปอร์ตี ทำให้กลับมาเป็นแชมป์ในฤดูกาล 1957-1958 ทั้งยังคว้าแชมป์ครั้งที่ 11 จากการพลิกเอาชนะมหากาฬสีม่วง (ฟิออเรนตินา) ในปี 1960 ทำให้แฟนบอลของสโมสรฟิออเรนตินา โกรธแค้นกับการปล้นแชมป์ของทีมม้าลาย และ ภายในปีเดียวกันนั้นเอง ยูเวนตุสได้ ดับเบิ้ลแชมป์ (เซเรียอาและโกปปาอีตาเลีย) เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา

ปี 1961 กีอัมปีเอโร โบนีเปอร์ตี ประกาศแขวนสตั๊ด พร้อมทำสถิติ 182 ประตู กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล (ก่อนถูกทำลายโดย อเลสซานโดร เดล ปีเอโร)

ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรือง Boniperti era ความยิ่งใหญ่ในเวทียุโรป (1971-1989)

Juventus Win it all ยูเวนตุสชนะทุกอย่างเปิดศักราชด้วยการคว้าแชมป์ในฤดู 1971-1972 และ 1972-1973 อย่างต่อเนื่อง กับการคุมทีโดย เซสเมียร์ เวียฟซาปาเลก ที่ซื้อนักเตะอย่าง โรแบร์โต เบตเตกา, ฟรานโก กาอูซีโอ และ โชเซ อัลตาฟีนี มาร่วมทีมจากนั้นก็มาถึง ยุคสมัยของ จีโอวานนี ตราปัตโตนี (ขรัวเฒ่าแห่งวงการฟุตบอลอิตาลี) ที่นำพาสโมสรก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรือง และ สร้างตำนานของทีมม้าลายยูเว่ ทศวรรษของปี 80 ถูกสร้างใหม่ด้วยการคว้าแชมป์ 3 สมัย ปี 1983-1984 เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ของยุค และ เป็นครั้งที่ 20 ของสโมสรทำให้ได้ สคูเด็ตโต สีทองดวงที่ 2 บนหน้าอกเสื้อ

ในปี 1982 เปาโร รอสซี นักเตะของทีมทีมม้าลายได้ชื่อเป็นผู้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป ต่อจากโอมาร์ ซีโบรี นับว่าเป็นระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี ด้วยกันกับการที่สโมสรระดับตำนานมีชื่อนักเตะเข้าสู่รางวัลบัลลงดอร์ อีกครั้ง ตอกย้ำความยอดเยี่ยมของสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสด้วยการที่ มีแชล ปลาตีนี นักเตะที่ยอดเยี่ยมของยูเวนตุสคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 3 สมัยติดในปี 1983-1985 และ กลายเป็นสโมสรเพียงสโมสรเดียวที่มีการคว้ารางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยม 4 สมัยติด

การคว้ายูโรเปี้ยนครั้งแรกของอัศวินชุดขาวดำ จากการเอาชนะสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก ก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรมแห่งชั่วโมงที่มืดมิดที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรป และ เป็นครั้งแรกที่ได้รางวัลทริปเปิ้ลแชมป์ เป็นอีกหนึ่งสโมสรของโลกในปัจจุบันที่ได้รับรางวัลจากสมาพันธ์การแข่งขันทั้งหมด

และ แชมป์ลีครั้งสุดท้ายของ จีโอวานนี ตราปัตโตนี กับทีม ยูเวนตุสเกิดขึ้นในฤดูกาล 1985-1986 จากนั้น มีแชล ปลาตีนี ได้เล่นให้กับทีมอีกหนึ่งฤดูกาลก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็นโค้ช และ ปรานฟีฟ่าในปี 2007

การจากไปของ มีแชล ปลาตีนี และ จีโอวานนี ตราปัตโตนี ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของทีมยูเวนตุสใหม่อีกครั้ง

ในปี 1990 ได้มีการสร้างสนามฟุตบอลเหย้าแห่งใหม่ขึ้นโดยใช้ชื่อว่า สตาดีโอเดลเลอัลปี และ ยังเป็นหนึ่งในสนามที่ใช้ทำการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1990

ต่อเนื่องความยิ่งใหญ่อีกครั้งบนเวทีโลก The Best Team on the Planet (1990-2004)

การมาอยู่ของโรแบร์โต บัจโจ (Roberto Baggio) ที่ย้ายมาจาก ฟีออเรนตีนา ในปี1990 เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 1 สมัย และ นักเตะผู้สร้างประวัติศาสตร์ของยูเวนตุส อเลสซานโดร เดล ปีเอโร ได้ย้ายเข้าสู่ทีมปี1993 จากนั้นก็เป็นยุคสมัยของ มาร์เชลโล ลิปปี โดยแท้จริง จากการคุมทีมของเขาเริ่มต้นในปี 1994 ก็ทำให้ยูเวนตุสกับมาถือครองตำแหน่งแชมป์ลีกอีกครั้งตั้งแต่การเข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 1994-1995 ถึงแม้ว่าฤดูกาลต่อมาจะเป็นเพียงรองแชมป์ก็ตามแต่กลับเป็นว่าฤดูกาลนั้นยูเวนตุสได้แชมป์ฟุตบอลยูโรเปี้ยนแทนกลายเป็นสมัยที่ 2 หลังจากห่างหายไปนานนับจากเวลาเท่ากับ 10 ปี พอดี จากนั้นพอเมื่อถึงฤดูกาล 1996-1997 ก็ได้กลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง จากนั้นทำให้สโมสรทีมม้าลายจึงมีเงินสามารถทำการซื้อตัวนักเตะมากมายเข้าสู่สโมสรได้แก่ ฟีลิปโป อินซากี กองหน้าที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งในลีกอิตาลี , ซีเนดีน ซีดาน ผู้ที่สร้างสรรค์เส้นทางการเล่นฟุตบอลได้อย่างยอดเยี่ยมศิลปินบนสนามหญ้า และ เอ็ดการ์ ดาวิดส์  กองกลางตัวตัดเกมที่ยอดเยี่ยมของยุคสมัย ฉายา The Pitbull หลังจากการซื้อตัวนักเตะทำให้คว้าแชมป์ลีกอีก 2 สมัยติดต่อกัน และ คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้ กับ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ

การจากไปของ Inzaghi และ Zidane ทำให้ทีมเกิดความหวาดหวั่น แต่ในปี 2001 ยูเวนตุสกับซื้อตัวนักเตะและสร้างปาฏิหาริย์ ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อการเป็นแชมป์โดยมีการซื้อ  ผู้รักษาประตูที่เรียกได้ว่ามีค่าตัวสูงสุดของยุค จันลุยจี บุฟฟอน, ดาวิด เทรเซเกต์นักเตะที่มีรายได้ 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์นับว่าสุงที่สุดของลีกอิตาลีในเวลานั้น , ปาเวล เนดเวด นักฟุตบอลชาวเช็กเกียที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และ ลีเลียน ทูร์ราม กองหลังที่ดีที่สุดของโลกในยุคสมัยนั้น การกลับมาของยูเวนตุสในฤดูกาล 2001-2002 และ 2002-2003 และในปี 2003 ปีเดียวกันนั้นเอง เบียงโครีได้เข้าชิงถ้วยยูฟ่าแชมปเปี้ยนลีกกับทีมเอซีมิลาน  แต่เป็นการพ่ายแพ้การดวลจุดโทษ จึงกลายเป็นการลาจาก ของ มาร์เชลโล ลิปปี ทำให้เขาคุมยูเวนตุสคว้าแชมป์ไว้ที่ 13 รายการเท่านั้น ในปี 2003

Rebirth of Juventus ช่วงเวลาที่เลวร้ายของยูเวนตุสกับข่าวอื้อฉาวเพื่อการเกิดใหม่ (2004-2010)

การเปลี่ยนแปลงของผู้จัดการทีมโดยการเข้ามาคุมของ ฟาบีโอ กาเปลโล ในฤดูกาลแรกของเขาทำให้ทีมจบลงด้วยอันดับที่ 3 แต่แล้วเรื่องราวที่พีคมากที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องการที่อันดับตกลงมา แต่เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ความอื้อฉาวครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอล เดือนพฤษภาคม ปี 2006 ถูกเชื่อมโยงเป็น 1 ใน 5 สโมสรที่มีการล้มบอล ทำให้ถูกลดชั้นไปเล่นใน เซเรียบี พร้อมทั้งตัดแต้ม 30 แต้ม และ เอาแชมป์คืน 2 สมัยได้แก่ ปี 2005 และ 2006 การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่พร้อมทั้ง การลาจากของนักเตะระดับซูปเปอร์สตาร์ หลังจากทีมตกชั้น ไม่ว่าจะเป็น  ซลาตัน อีบราฮีมอวิช หรือ ฟาบีโอ กันนาวาโร เรียกได้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกันเลยทีเดียว แต่ความโหดร้ายนี้อยู่กับทีมเบียงโครีเพียง 1 ฤดูกาลเท่านั้น คือ 2006-2007 และ ก็กลับคืนสู่ซีเรียอา ได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแชมป์เลยซักครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในปี 2006 ซึ่งทำให้กลายเป็นยุคของอินเตอร์มิลานไปโดยทันที ซึ่งอินเตอร์มิลานนั้นสามารถครองแชมป์ได้ติดต่อกัน 5 สมัย เทียบเท่ากับ ยูเวนตุสในอดีต ทำให้ทีมต้องเปลี่ยนแปลง

Return of the King Juventus Time การกลับมาของราชา ช่วงเวลาของยูเวนตุส (2010-2018)

มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอยู่บ่อยครั้งเพื่อการก้าวกลับมาสู่เวทีของการช่วงชิงอันดับ ตั้งแต่ เฟอร์รารา (จบฤดูกาลได้ที่ 6) , อัลแบร์โต ซัคเคโรนี (จบฤดูกาลได้ที่ 7) กีอูเซปเป มารอตตา แต่ก็ยังล้มเหลว จนต้องมาถึงมือผู้ที่วางรากฐานของยูเวนตุสในปัจจุบัน  อันโตนีโอ คอนเต สร้างประวัติศาสตร์ให้ยูเวนตุสเป็นทีมแรกในเซเรียอาไม่แพ้ใครเลย 38 นัดตลอดฤดูกาล 2011-2012 ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงเป็นยูเวนตุสที่ได้ครอบครองแชมป์

สนามกีฬาของสโมสรยูเวนตุส

สนามกีฬายูเวนตุส  ตั้งอยู่ในเมืองตูริน และเป็นสนามกีฬาเหย้าของสโมสรฟุตบอลยูเวนตุส สร้างบนที่ตั้งเดิมของ เดลเลอัลปิ สนามฟุตบอลประจำเมืองตูริน มีความจุ 41,000 ที่นั่ง

สโมสรยูเวนตุสนับตั้งแต่ก็ตั้งสโมสรขึ้นมาในปี ค.ศ. 1897 มาจนถึงปัจจุบันได้เปลี่ยนสนามเหย้ามาแล้ว 5 สนาม

สนามเวโลโดรโมอัมเบรโต ถูกใช้เป็นสนามเหย้าในปี ค.ศ. 1904 จนถึง ค.ศ. 1909

สนามสตาดีโอดีคอร์ซีเซบาสโตโปลี ถูกใช้เป็นสนามเหย้าในปี ค.ศ. 1909 จนถึง ค.ศ. 1922

สนามสตาดีโอดีคอร์โซมาร์ซีเกลีย ถูกใช้เป็นสนามเหย้าในปี ค.ศ. 1923 จนถึง ค.ศ. 1933

สนามสตาดีโอโอลิมปิกโกดิโทริโน ถูกใช้เป็นสนามเหย้าในปี ค.ศ. 1933 จนถึง ค.ศ. 1990 และ ค.ศ. 2006 จนถึง ค.ศ. 2011

สนามสตาดีโอเดลเลอัลปี ถูกใช้เป็นสนามเหย้าในปี ค.ศ. 1990 จนถึง ค.ศ. 2006

สนามยูเวนตุสสเตเดียม ถูกใช้เป็นสนามเหย้าในปี ค.ศ. 2011 จนถึง ปัจจุบัน

เรื่องราวที่น่าสนใจของทีมยูเวนตุส

Juventus เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จสูงเป็นอย่างมาก คว้าแชมป์มากกว่า 40 รายการ ได้แก่ แชมป์ลีก ซีเรียอา 34 สมัย ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก 2 สมัย โคปาอิตาลี 13 สมัย อิตาเลียนซุปเปอร์คัฟ 7 สมัย ยูฟ่าคัฟ 3 สมัย

Juventus เป็นทีมแรก และ ทีมเดียวที่มีดาวสีทองอยู่บนอกเสื้อ 3 ดวง

Juventus ยังเป็นสโมสรเดียวที่ได้แชมป์รายการระดับนานาชาติครบทุกรายการ

ในศตวรรษที่ 20 ฟีฟ่าจัดอันดับให้ยูเวนตุสอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของวงการฟุตบอลอิตาลี และ อันดับที่ 7 ของสโมสรฟุตบอลโลก

อิทธิพลมืดในวงการมาเฟียฟุตบอลอิตาเลียน จากหลักฐานซิมการ์ดบันทึกบทสนทนา ทำให้เพียงพอที่จะทำให้โทษทีมยูเวนตุส , เอซีมิลาน , ฟิออเรนติน่า และ ลาซิโอ ถึงภายหลังตรวจพบว่าอินเตอร์ม ลานก็อาจจะมีส่วนพัวพัน แต่ คดีก็หมดอายุความเสียแล้ว

การสร้างประวัติศาสตร์การทวงคืนบัลลังก์แชมป์เปี้ยน ของ มหาอำนาจของวงการลูกหนัง ถูกส่งต่อด้วย นักเตะที่ยอมอยู่ช่วยทีม ไม่ทอดทิ้งไปในช่วงเวลาตกชั้น ทั้งๆที่มีการย้ายของดาวดังจำนวนไม่น้อยได้แก่  ซลาตัน อิบราฮิโมวิช , จิอันลูกา ซามบร็อตตา, ฟาบิโอ คันนาวาโร, ลิลิยง ตูราม และ ฯลฯ

แต่สโมสรแห่งนี้ก็ยังมีความรักมากมายที่ฉุดดึงนักเตะไว้ ให้พาทีมก้าวข้ามผ่านความยากลำบากไปด้วยกัน ได้แก่

จอร์โจ คิเอลลลินี ผู้ที่เชื่อมั่นในประวัติศาสตร์ทีมอันยิ่งใหญ่อยู่ร่วมหัวจมท้ายพาทีมกลับขึ้นสู่ซีเรียอา

พาเวล เนดเวด ผู้ที่เป็นอีกหนึ่งตำนานม้าลาย ถึงแม้ว่าดาวดังจะสามารถเลือกทีมได้มากมายในช่วงที่สโมสรตกชั้น แต่ เนดเวดเลือกที่จะอยู่กับทีมยูเว่ และ แขวนสตั๊ดไปพร้อมกับคำว่า ตำนานม้าลาย

สโมสรยูเวนตุสมียามากกว่า 281 ชนิดอยู่ภายในคลินิกของสโมสร เทียบเท่ากับโรงพยาบาลขนาดเล็กของเมืองตูริน

เมาโร คาโมราเนซี ตำนานผู้จงรักภักดี และ อยู่ในใจแฟนบอลยูเว่เสมอมา ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งแบบโดดเด่นแต่ก็เป็นปีกที่มีความสามารถ

จิอันลุยจิ บุฟฟอน ผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวมหาศาลก่อนย้ายมาอยู่ เบียงโครี(ผู้รักษาประตูที่ลงเล่นในซีเรียอามากที่สุด 639 นัด คลีนชีต 300 นัด) ไม่เสียประตูนานที่สุดในเซเรีย อา 974 นาที คว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปี ของ เซเรีย อา 12 สมัย เป็น 1 ใน 6 ของนักเตะที่ลงให้กับสโมสรมากที่สุด ได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมระดับโลกมากถึง 4 ครั้ง

ดาวิด เทรเซเกต์ กองหน้าระดับโลก ที่ไม่ค่อยความผูกผันกับสโมสรเท่าไรนัก แต่ก็ยืนยันจะร่วมหัวจมท้ายไปกับสโมสร

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร อยู่กับทีมยูเวนตุสมายาวนานกว่าใครๆในทีม และ เป็นนักเตะคนแรกที่กล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่าจะอยู่กับทีมไม่ว่าจะอยู่ในลีกใด เรียกได้ว่ากัปตันทีมตัวจริง

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ (ผู้จัดการทีม) เคยเป็นนักเตะในนามสโมสรยูเวนตุส พอรู้ว่าทีมรักของตัวเองตกชั้น และปลดผู้จัดการทีมออก เดส์ชองส์ อาสามาคุมทีมโดยไม่เรียกร้องอะไร มาด้วยใจล้วนๆ

สถิติที่น่าสนใจหลังยูเวนตุสคว้าแชมป์

การคว้าแชมป์สมัยที่ 34 เป็นการคว้าแชมป์ 7 สมัยติดต่อกันของยูเว่บนซีเรียอา ไม่เคยมีสโมสรใดทำได้มาก่อน

ยูเวนตุสเป็นสโมสรเดียวในกัลโช ซีเรียอา ที่มีนักเตะมากกว่า 1 คนยิงประตูได้มากกว่า 15 ประตู

เมื่อตำนานจักรพรรดิของอิตาลี คือ เบอร์ 10 ได้แก่ ซีเนอดีน ซีดาน และ อันเดรีย ปิร์โล จากนั้นล่าสุดเป็น พอล ป็อกบา

เบอร์ 10 ของ ยูเวนตุส คือ ดิบาล่า หลังจากการย้ายไปของ พอล ป็อกบา เบอร์ 10 ของเบียงโครีนั้นถูกปล่อยว่างและก็ไม่มีใครได้ใส่อีกจนถึงยุคของดิบาล่า

การปรากฏตัวของโรนัลโดที่ ยูเวนตุส สร้างแรงกระตุ้น หรือที่เรียกว่า Ronaldo Effect  สร้างอะไรบ้าง

โรนัลโดเป็นนักกีฬาที่สามารถทำการตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม ยูเวนตุสจึงได้ยอมเสี่ยงลงทุนซื้อมาด้วยค่าตัว 112 ล้านยูโร(หลังจากวันที่ย้ายมาทำทำรายได้จากการจำหน่ายเสื้อถึง 52 ล้านยูโร)

โรนัลโดเป็นนักกีฬาที่มีฐานแฟนบอลมากกว่า 300 ล้านคน

การย้ายของโรนัลโดมาที่ทีมม้าลาย ทำให้ผู้คนพูดถึงอิตาลีมากยิ่งขึ้น หุ้นของสโมสรสูงขึ้นถึง 40%

การย้ายของโรนัลโด เป็นการบ่งบอกถึงแรงกระตุ้นว่าทีมม้าลาย ระหายในชัยชนะมากขนาดไหน เพราะโรนัลโดจะทำให้ ยูเวนตุส และ เซเรียอา ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ปรากฏการณ์นี้เรียกได้ว่าเป็นการเด็ดดอกไม้สามารถสะเทือนถึงดวงจันทร์

การย้ายทีมของโรนัลโด้เข้าสู่ทีมม้าลาย จะเป็นการปลุกชีพลีกกัลโช่ ให้ลุกเป็นไฟอีกครั้ง ดินแดนแห่งเทพเจ้าของวงการฟุตบอลในช่วงยุคสมัยหนึ่ง

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของตราสโมสร

เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ต่อเนื่องจากการย้ายทีมของยอดนักเตะซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ของสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนความภาคภูมิใจ ให้กลายเป็นเพียงแค่ตัวอักษร J เท่านั้นหรือจากชื่อสโมสร JUVENTUS และรูป ‘กระทิง’ อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตูริน อัตลักษณ์และตัวตนของการเปลี่ยนแปลงอาจจะทำให้ตราสโมสรที่รู้สึกภูมิใจ อาจจะดำดิ่งลงในความมืดมิดอีกครั้ง การลงทุนเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์ของตราสโมสรใช้เงินมูลค่าสูงถึง 2 แสนยูโรที่ต้องการปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่  และให้ความสำคัญกับเบียงโครี่ หรือ แถบขาวดำอันเป็นรากเหง้าของสโมสร และนี่ก็คือวิถีชีวิตแห่งยูเวนตุส สุดยอดทีมของเมืองตูริน

สโมสรยูเวนตุสกับประเทศไทย

ในอดีต แฟนบอลกัลโช มีให้เห็นค่อนข้างเยอะ เนื่องจาก มีการเตะที่ดุดัน และ สนุกสนาน แต่ด้วยความตกต่ำลงของลีกทำให้ในปัจจุบัน  ยูเวนตุสมีพื้นฐานจำนวนแฟนคลับในประเทศไทยไม่มากนัก แต่ล่าสุดสโมสรยูเวนตุสกำลังเปิดตัว crypto token ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะทำให้แฟนคลับได้มีการทำกิจกรรมร่วมกัน และ การย้ายเข้าไปร่วมทีมของโรนัลโด อาจจะทำให้ฐานแฟนคลับในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากประชาชนชาวไทยนั้นชื่นชอบโรนัลโดไม่น้อย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 สโมสรยูเวนตุสที่ชื่นชอบสุดสาคร นักมวยไทย สุดสาคร ส. กลิ่นมี แชมป์จากหลายสถาบัน เข้าชมพิพิธภัณฑ์สโมสรยูเวนตุสพร้อมกับเข้าชมสนาม ทั้งยังถ่ายรูป สุดสาครพร้อมชื่อหลังเสื้อ เบอร์ 31 เนื่องจาก สุดสาคร เป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงมากในยุโรปโดยเฉพาะอิตาลี และ เดินทางไปชก และโชว์ตัวบ่อยมาก