เอริค ดายเออร์ (Eric Dier) เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1994 ที่เมือง เชลท์แน่ม ประเทศอังกฤษ เขาเป็นเด็กชายคนหนึ่งที่หลงใหลในกีฬาฟุตบอล แต่ด้วยความที่ครอบครัวของเขาจำเป็นต้องเดินทางย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศโปรตุเกส จึงทำให้ ดายเออร์ ในวัย 7 ขวบ จำเป็นที่จะต้องเก็บกระเป๋าเดินทางย้ายตามพ่อและแม่ไปอยู่ที่ต่างแดน แต่อย่างไรก็ตามจากการที่เขาชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลและเป็นแฟนคลับของสโมสร เมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงทำให้ความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลของเขาก็ยังคงไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ

เอริค ดายเออร์ ได้เข้ามาเป็นนักเตะในอคาเดมี่ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตั้งแต่มีอายุได้ 8 ขวบ

เพราะใน ระหว่างที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนระดับชั้นประถมในกรุงลิสบอน เขาก็ได้เข้าไปเป็นนักกีฬาในชมรมฟุตบอลของโรงเรียน ทำให้ในเวลาต่อมา มิเกล ซิลวา ครูพละผู้ฝึกสอนเชิงลูกหนังให้ เอริค ดายเออร์ เป็นคนแรกในต่างแดน เริ่มที่จะเห็นแววความเก่งกาจในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นมา จึงเสนอให้เขาได้เข้าไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนที่ฟอร์มการเล่นของเขาจะไปเข้าตาแมวมองของทีม และได้ดึงตัวเขาเข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนของทีมตอน ดายเออร์ มีอายุเพียง 8 ปี และจากการที่เขามีพัฒนาการอย่างโดดเด่นจึงทำให้สโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตัดสินใจมอบสัญญาอาชีพให้เขาครั้งแรกในปี 2010 ซึ่งจากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงบวกกับการเข้าบอลที่ดุดันของเขา ทำให้ในซีซั่นต่อมาสโมสร เอฟเวอร์ตัน ไม่รอช้ารีบยื่นข้อเสนอเข้ามาขอยืมตัว เอริค ดายเออร์ ไปใช้งานทันที

กลับบ้านเกิด ทดสอบฝีเท้ากับ เอฟเวอร์ตัน

ดายเออร์ เคยมีโอกาสได้ย้ายมาค้าแข้งอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน แบบยืมตัว ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ในเดือนมกราคม 2011 เอริค ดายเออร์ ได้ย้ายไปร่วมทีม เอฟเวอร์ตัน ด้วยสัญญายืมตัวเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อการหาโอกาสในการลงสนามมากขึ้น ซึ่งเขาได้ย้ายไปลงสนามให้กับทอฟฟี่สีน้ำเงิน ในทีมเยาวชนชุด ยู-18 โดยเขาย้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมและช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในรุ่นอายุ 18 ปี ในซีซั่น 2010/11 ได้สำเร็จ

แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่เขาห่างหายจากบ้านเกิดไปอย่างยาวนาน จึงทำให้ ดายเออร์ มีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษบวกกับวิถีชีวิตในเมืองผู้ดีค่อนข้างยาก ทำให้เขาได้รับการขยายสัญญากับทางสโมสร เอฟเวอร์ตัน ยาวออกไปเป็น 12 เดือน แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะก้าวขึ้นมายึดพื้นที่บนทีมชุดใหญ่ของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ได้สำเร็จ เขาจึงถูกส่งตัวกลับไปเรียกความมั่นใจกับทางต้นสังกัดอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตามเดิม

เรียกความมั่นใจกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน

หลังจากที่ไม่สามารถแจ้งเกิดกับสโมสร เอฟเวอร์ตัน ได้สำเร็จ วันที่ 26 สิงหาคม 2012 เอริค ดายเออร์ ได้ถูกส่งตัวกลับมาเล่นกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน อีกครั้ง แต่ด้วยความที่เขายังเป็นเพียงแค่แข้งดาวรุ่งที่รอวันก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ จึงทำให้เจ้าตัวถูกส่งไปเล่นให้กับทีมสำรอง หรือทีมชุดบี แต่ด้วยความที่ ดายเออร์ เป็นนักเตะที่มีความทุ่มเทและมีความกระหายในชัยชนะ จึงทำให้ระหว่างซีซั่น 2012/13 เขาได้รับโอกาสขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสร ในเกมที่ ลิสบอน เปิดบ้านเอาชนะ บราก้า แถมยังสามารถแจ้งเกิดด้วยการทำประตูแรกให้กับทีมในเกมถัดมาที่เสมอกับ โมไรเรนเซ่ 2-2

และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง และจากการที่เข้าไม่เคยหยุดพัฒนาฝีเท้าทำให้ เอริค ดายเออร์ เริ่มที่จะถูกจับตามองจากสื่อหลายสำนักในประเทศโปรตุเกส ก่อนที่ในเวลาต่อมาชื่อเสียงของเขาจะแพร่กระจายข้ามประเทศมาถึงยันประเทศบ้านเกิด โดยเขาเริ่มได้รับข้อเสนออย่างมากมายจากทีมยักษ์ใหญ่จาก พรีเมียร์ลีก ก่อนที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สโมสรที่กำลังจะสร้างทีมพลังหนุ่มจะซื้อใจเขาและได้ตัวเขาไปครอบครองได้สำเร็จ

กำลังสำคัญ ไก่เดือยทอง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

เอริค ดายเออร์ ตัดสินใจที่จะย้ายมาค้าแข้งกับสโมสร ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ พร้อมกับสัญญาฉบับแรก 5 ปี เขาได้มีโอกาสลงประเดิมสนามเป็นเกมแรกของฤดูกาล 2014/15 ด้วยการบุกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่จะสามารถทำประตูแรกให้กับตัวเองในสีเสื้อของสเปอร์สได้อย่างรวดเร็วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจนช่วยให้ ทัพเดือยทอง เก็บชัยชนะกลับบ้านไปได้อย่างหวุดหวิด หลังจากเกมนัดดังกล่าวถัดไป 8 วัน ดายเออร์ ก็สามารถทำประตูที่ 2 ให้กับตัวเองได้ด้วยการโหม่ง ในเกมที่ถล่ม ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 4-0

หลังจากนั้น เอริค ดายเออร์ ก็สามารถที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสรได้ในทันที จากการที่เข้าปะทะและมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน เขาจึงกลายเป็นนักเตะที่ถูกส่งลงสนามได้อย่างหลากหลายตำแหน่ง ทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรับและเซ็นเตอร์แบ็ก จึงทำให้เขาได้รับโอกาสในการลงสนามอยู่อย่างต่อเนื่อง

ประสบการณ์ในเกมนัดชิงชนะเลิศ UCL

Eric Dier พาสเปอร์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในเกม UCL ปี 2018/2019

จนกระทั่งในซีซั่น 2018/19 ดายเออร์ และเพื่อนร่วมทีม สเปอร์ส สามารถโชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาทีมทะลุเข้าไปในเกมนัดชิงชนะเลิศในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเป็นการโคจรมันพบกับเพื่อนร่วมลีกอย่าง ลิเวอร์พูล แต่ด้วยความที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถือเป็นสโมสรหน้าใหม่ที่เคยผ่านเข้ามาเล่นในเกมนัดชิงในระดับโลกเป็นครั้งแรก ทำให้นักเตะหลายต่อหลายคนที่ยังคงมีอายุน้อยและอ่อนประสบการณ์ จึงทำให้ฟอร์มการเล่นของแต่ละคนออกมาผิดหวังไม่เป็นเช่นเคย ก่อนที่จะจบเกมด้วยการพ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 2-0 ซึ่งนั่นถือเป็นฤดูกาลที่ เอริค ดายเออร์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

การติดทีมชาติอังกฤษ และสไตล์การเล่นของ เอริค ดายเออร์

เอริค ดายเออร์ ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรกในชุด ยู-18 เมื่อปี 2011 ในเกมที่พบกับทีมชาติ สโลวาเกีย โดยในเวลานั้นมี โนเอล เบล็ค เป็นกุนซือ โดยเขาได้ส่ง ดายเออร์ ลงเล่นครบ 90 นาทีเต็ม ก่อนที่จะเกมนัดนัดกล่าว ทรีไลออนน้อย จะเสมอ 1-1 จากนั้นในปี 2013 เขาได้กลับไปพัฒนาฝีเท้าและได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุด ยู-21 ในเกมนัดอุ่นเครื่อง ก่อนที่จะถูก ปีเตอร์ เทย์เลอร์ เรียกตัวไปลุยศึกฟุตบอลโลก ยู-20 ในปีเดียวกัน ซึ่งในรายการนั้น ดายเออร์ ได้ลงเล่นได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องและโชว์เก่งออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ

จนกระทั่งในปี 2015 เอริค ดายเออร์ จะได้มีโอกาสติดธงกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในชุดที่มี รอย ฮ็อดจ์สัน เป็นผู้จัดการทีม โดยเขาได้ถูกส่งลงสนามเปในนามทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก จากเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ ทีมชาติสเปน และ ฝรั่งเศส