• www.sbobetonline24.com เราคือตัวแทนจาก sbobet โดยตรง บริการแทงบอลออนไลน์ที่ดีที่สุด
  • ขณะนี้ได้มีกลุ่มแอบอ้างหลอกโอนเงิน เพื่อความปลอดภัย กรณีมีการเปลี่ยนบัญชี รบกวนท่านสมาชิกตรวจสอบให้ถูกต้องก่อน ยกตัวอย่าง โทรกลับมาที่ Call center สอบถามทีมงานเพื่อความถูกต้อง
  • ประกาศ!!! ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์การถอนเงิน และยึดเงินวางเดิมพัน สำหรับลูกค้าที่มีการเล่นแบบผิดปกติ หรือ ใช้โปรแกรมในการช่วยเล่น โดยที่ไม่จำเป้นต้องแจ้งล่วงหน้า
 

ประวัติ สโมสร เชลซี สิงห์บลูส์แห่งกรุงลอนดอน

สโมสรเชลซี เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ในเขตฟูแลม ในกรุงลอนดอน ของประเทศอังกฤษ ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้สู้ศึกอยู่บนลีกสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก โดยสโมสรก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 1905 โดย กุส เมียร์ส และได้ทำการเปลี่ยนสนามกรีฑาให้กลายเป็นสนามฟุตบอลและใช้ชื่อว่า สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในตอนแรกนั้นจะใช้ชื่อสโมสรว่า ฟูแลม เอฟซี แต่ชื่อได้ซ้ำกับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นอย่างสโมสรฟูแลม ทำให้ในช่วงแรกของการก่อตั้งสโมสรนั้นได้ใช้ชื่อว่า เคนชิงตัน เอฟซี, สแตมฟอร์ดบริดจ์ เอฟซี, ลอนดอน เอฟซี, และสุดท้ายได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อสโมสรว่า เชลซี เอฟซี โดยได้ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ที่ผับ เดอะไรซิงซัน หลังจากนั้นสโมสรเชลซีก็ได้เริ่มสร้างชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ได้ในปีแรกของการลงทำการแข่งขัน ดิวิชั่น 1 ด้วยการคว้าแชมป์ได้ในปี 1906-1907 ซึ่งเป็นเพียงซีซั่นที่ 2 ในการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของประเทศอังกฤษ

ยุคก่อตั้งสโมสร (1905 – 1951)

the-first-team-chelsea

ทีมนักเตะชุดก่อตั้งสโมสรเชลซี

หลังจากการต่อตั้งสโมสรได้เพียง 1 ปี สโมสรเชลซีก็สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่อย่างมากมาย โดยที่เชลซีสามารถทำการคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 มาครอบครองได้ในซีซั่นที่ 2 ของการลงทำการแข่งขัน เพราะเป็นสโมสรที่เพิ่งก่อตั้งและยังไม่มีดาวเตะตัวเก่งอยู่ในทีมมากเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงเป็นทีมที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ระหว่าง ดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 อยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1915 เชลซีได้มีโอกาสเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอคัพ แต่ก็ต้องแพ้ให้กับสโมสร เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ไป 3-0 แต่ถึงแม้จะพ่ายแพ้ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ก็ตาม แต่พวกเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้คนที่สนใจในเกมลูกหนังเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งในฤดูกาล 1919-1920 พวกเขาสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและจบซีซั่นนั้นอยู่บนหัวตารางในอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ ทำให้หลังจบฤดูกาลดังกล่าวสโมสรเชลซีเริ่มมีงบประมาณเข้ามาในสโมสรเป็นจำนวนมากและเริ่มซื้อบรรดานักเตะชื่อดังเข้ามาสู่สโมสรได้อย่างมากมาย

แชมป์แรกของสิงห์บลูส์ (1952-1961)

หลังจากที่สโมสรเชลซีเริ่มมีชื่อเสียและฐานแฟนบอลที่มากขึ้น ทำให้พวกเขาเริ่มมีงบประมาณในการล่าซื้อนักเตะตัวเก่งเข้ามาในทีมอย่างมากมาย พร้อมทั้งยังได้อดีตกองหน้าของ ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล และอดีตทีมชาติอังกฤษอย่าง เท็ด เดร็ค เข้ามาเป็นกุนซือในปี 1952 เพื่อหวังยกระดับและปรับเปลี่ยนสโมสรให้มีความทันสมัย เขาจึงทำการโละกลุ่มทหารหลวงวัยเกษียณ และปรับทีมเยาวชนของสโมสรให้มีรูปแบบในการฝึกซ้อมที่เข้มข้นมากขึ้น พร้อมกันนี้ เท็ด เดร็ค ยังทำการซื้อสตาร์ดังจากลีกสมัครมาเสริมทัพอย่างมากมาย และด้วยการเข้ามาปรับเปลี่ยนแบบแผนและระบบการเล่นต่างๆ ของ เท็ด เดร็ค ทำให้สโมสรเชลซีสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ในฤดูกาลที่ 1954-1955 เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ จนกระทั่งในปี 1961 ด้วยความที่สโมสรมีความต้องการที่จะหาแผนการทำทีมใหม่ๆ จึงได้ตัดสินใจปลด เดร็ค ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้แต่งตั้ง ทอมมี่ โดเชอร์ตี้ เข้ามาในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีมทันทีและได้ทำการปรับปรุงทีมครั้งใหญ่อีกครั้ง

ปรับปรุงทีมครั้งใหญ่ (1962-1970)

chelsea-vintage-1970

ในปี 1962 ทอมมี่ โดเชอร์ตี้ ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมและได้เปลี่ยนแปลงสโฒสรครั้งใหญ่

ทอมมี่ โดเชอร์ตี้ ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรพร้อมควบคู่ไปกับการเป็นผู้เล่น เขาได้ทำการเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นของทีมขึ้นใหม่และได้ทำการยกเลิกสัญญาแข้งเก่าหลายรายออกจากสโมสรและซื้อนักเตะหน้าใหม่เข้ามาสู่สโมสรอย่างมากมาย โดยหนึ่งในแข้งหน้าใหม่ที่ โดเชอร์ตี้ ได้ดึงเขามาร่วมทีมในเวลานั้นก็คือ ปีเตอร์ ออสกู๊ด ที่ได้กลายเป็นตำนานตลอดกาลของสโมสรในเวลาต่อมา ทอมมี่ โดเชอร์ตี้ ได้ใช้เวลาปรับเปลี่ยนรากฐานของสโมสรอยู่เพียง 2 ปี ก็สามารถคว้าแชมป์ลีกคัพได้ในฤดูกาล 1964-1965 ด้วยการเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มี กอร์ดอน แบงส์ ผู้รักษาประตูจอมหนึบไปด้วยผลการแข่งขัน 3-2 และหลังจากนั้น 3 ฤดูกาลพวกเขายังสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศในทุกรายการที่ทำการแข่งขัน แต่ก็เป็นได้แค่เพียงรองแชมป์เพียงเท่านั้น จนกระทั่งในซีซั่นถัดมาสโมสรเชลซีได้ทำการปลอดผู้จัดการทีมอีกครั้ง พร้อมทั้งแต่งตั้ง เดฟ เช็กตัน เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของสโมสร เช็กตัน เข้ามาคุมทีมเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถพาลูกทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ในปี 1970 ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1

ยุคตกต่ำ (1970-1992)

chelsea-slump-1992

เชลซีถึงคราวดิ่งลงเหว เหมื่อสโมสรทำการโละนักเตะดาวดังออกจากสโมสร

หลังจากที่เขาล้มยักษ์อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ 1970 ได้สำเร็จแล้ว เชลซีก็ถึงคราวดิ่งลงเหวและตกต่ำลงในปลายปี 1970 ถึง 1990 เมื่อสโมสรเชลซีได้ทำการขายดาวดังของทีมออกไปอย่างมากมาย จนทำให้ฟอร์มการเล่นของพวกเขาตกต่ำลงไปตามลำดับ จนตกชั้นและไม่สามารถขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดได้ จนกระทั่งในปี 1982 เคน เบตส์ ได้เข้ามาซื้อสโมสรด้วยราคา 1 ล้านปอนด์ และได้ทำการปรับปรุงสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ให้ดีและยิ่งใหญ่มากขึ้น แต่อันที่จริงแล้วการปรับปรุงสโมสรครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร เพราะพวกเขาเกือบจะตกลงไปเล่นอยู่ในดิวิชั่น 3 จนในปี 1984 จอร์น นีล สามารถทำผลงานได้อย่างดีและพาสโมสรขึ้นมาจากดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ในปี 1983-1984 แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมาตกชั้นอีกในปี 1987-1988 ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาเล่นอยู่ในดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้งในปี 1988-1989 ด้วยการทิ้งแต้มห่างจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 17 แต้ม

สิงห์บอลถ้วย (1992-2004)

chelsea-the-blue-2004

ในปี 1992-2004 สโมสรเชลซีได้กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง และได้รับฉายาจากสื่อหลายสำนักให้เป็น สิงห์บอลถ้วย อีกด้วย

ในปี 1992 เชลซีเริ่มกลับมาดึงสตาร์ดังเข้าสู่สโมสรอีกครั้งจนสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถเข้าชิงชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอล เอฟเอคัพ ในปี 1993-1994 แต่พวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอย่างราบคาบถึง 4-0 จนกระทั่งทางบอร์ดบริหารได้ทำการแต่งตั้ง รุด กุลลิต เข้ามาทำทีมในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีมในปี 1996 โดยเขาใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี ก็สามารถสโมสรเชลซีเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอคัพ ในปี 1997 ด้วยการเอาชนะ มิดเดิลสโบลรห์ ไป 2-0 จากการทำประตูของ โรแบร์โต้ ดิ มัตติโอ และ เอ็ดดี้ นิวตัน นอกจากนี้ยังสามารถพาทีมเข้าชิงชนะเลิศในการแข่งขันรายการ ยู่ฟ่าคัพ วินเนอร์คัพ ปี 1998 พร้อมทั้งยังคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ สตุ๊ตการ์ต ไปด้วยสกอร์ 1-0 จากการทำประตูของ โรแบร์โต้ ดิ มัตติโอ คนเดิม นอกจากนี้พวกเขายังสามารถเข้าไปสัมผัสเกมการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกได้ แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายแพ้ให้กับ บาร์เซโลน่า ไปด้วยสกอร์รวม 6-4 กลับจากนั้นไม่นานสโมสรเชลซีได้ทำการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่อีกครั้ง โดยได้แต่งตั้งให้ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เข้ามาเป็นกุนซือของทีมในปี 2000 เขาใช้เวลาเพียงไม่ถึงปีก็สามารถพาสโมสรเชลซีเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอคัพ ได้ แต่ก็คงต้องผิดหวังเพราะต้องแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล ไปด้วยสกอร์ 2-0 จากยุคนี้ที่สโมสรเชลซีได้อยู่ในช่วงที่ถือว่าประสบความสำเร็จกับบอลถ้วยเป็นส่วนใหญ่นั้น จึงทำให้สื่อหลายสำนักได้ตั้งฉายาให้กับพวกเขาว่า “สิงห์บอลถ้วย”

การปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ การมาของเสี่ยหมี (2004-2011)

chelsea-roman-abramovich-2004

ในช่วงปี 2004 มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ได้เข้ามาซื้อสโมสรด้วยจำนวนเงิน 140 ล้านปอนด์

ในช่วงปี 2004 นักการเมืองมหาเศรษฐีชาวรัสเซียอย่าง โรมัน อับราโมวิช ได้เข้ามาซื้อสโมสรเชลซีไปด้วยราคา 140 ล้านปอนด์ และได้ทำการทุ่มงบจำนวนมหาศาลเพื่อคว้าตัวสตาร์และดาวเตะชื่อดังมากมายเข้ามาร่วมทีม นอกจากนี้เขายังทำเรื่องที่ทำให้แฟนบอลสุดจะประหลาดใจด้วยการปลดกุนซืออย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งและทำการแต่งตั้ง โชเซ มูรินโญ่ เขามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรทันที ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะการเข้ามาของ มูรินโญ่ นั้นสามารถนำพาความสำเร็จมาสู่สโมสรได้อย่างมากมาย ทั้งการความแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2004-2005 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกของการเข้ามาทำทีมของ มูรินโญ่ และเขายังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรเชลซีด้วยการเป็นแชมป์ที่มีแต้มสูงถึง 95 คะแนน และยังสามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล ลีกคัพ ไปด้วยสกอร์ 3-2 พร้อมคว้าแชมป์ไปแบบยิ่งใหญ่

จนในปีต่อมาพวกเขาก็สามารถปกกันแชมป์พรีเมียร์ลีกไปได้อีกครั้งด้วยคะแนนสูงถึง 92 คะแนน นอกจากนี้พวกเขายังคงไม่หยุดความร้อนแรง โดยสโมสรเชลซีสามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอคัพ ไปด้วยสกอร์ 1-0 หลังจากนั้น เชลซี ก็กลับเข้ามาสู่เส้นทางของการลุ้นแชมป์ได้ในทุกๆ ฤดูกาลแต่ก็ทำได้แค่เพียงใกล้เคียงเท่านั้น จนในปี 2007 พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกคัพได้อีกครั้งด้วยการเอาชนะ อาร์เซน่อล ไปด้วยผลการแข่งขัน 2-1 โดย 2 ประตูที่ได้มานั้นเกิดขขึ้นจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานกองหน้าของทีม แต่จากผลงานที่ร่วมจะดูเหมือนไม่ค่อยมีความคืบหน้าสักเท่าไหร่นัก ปลายปี 2007 มูรินโญ่ ถูกปลดออกจากตำแหน่งและทำการแต่งตั้ง อัฟราม แกรนท์ เป็นกุนซือขัดตาทัพและพาทีมลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก ในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกของสโมสร แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบเจ็บปวดด้วยการดวลจุดโทษ 5-6 จนในฤดูกาลต่อมาสโมสรเชลซีได้ทำการแต่งตั้ง หลัยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่ฟอร์มการเล่นของทีมก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งตกต่ำลง สโคลารี่ จึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เชลซีแต่งตั้ง กุส ฮิดดิงค์ ในฤดูกาล 2008-2009 แต่ก็ยังไม่มีผลงานที่น่าประทับใจสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ไปได้ จากการเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ไปได้ 2-1 แต่ถึงอย่างไร ประธานสโมสรก็ยังไม่พึงพอใจกับฟอร์มการเล่นของทีมมานัก เขาจึงทำการปลด กุส ฮิดดิงค์ ออกจากตำแหน่งและทำการแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามานั่งในตำแหน่งกุนซือคนใหม่ทันทีและสามารถพา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้งพร้อมทั้ง ยังสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทางสโมสรได้อีกครั้งด้วยการจบซีซั่นด้วยการทำสกอร์สูงสุดถึง 103 ประตูในฤดูกาลเดียว และยังสามารถป้องกันแชมป์ เอฟเอคัพ ด้วยทำประตูสุดสวยของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ใส่สโมสร พอร์ทสมัธ และเอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 แต่หลังจากนั้นจนถึงปี 2011 เชลซีก็ไม่มีผลงานที่สวยหรูเท่าที่ควร

เจ้าแห่งยุโรป (2011-ปัจจุบัน)

Chelsea's British midfielder Frank Lampa

ในช่วงที่สโมสรกำลังประสบความสำเร็จ พวกเขาสามารถขึ้นไปถึงการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้

ฤดูกาล 2011-2012 ถือได้ว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของประวัติศาสตร์สโมสร เพราะ เชลซี สามารถเข้าชิงชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยังสามารถเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการดวลจุดโทษไปได้ โดยในตอนแรกนั้นพวกเขาเกือบจะพ่ายแพ้ให้กับทีมดังให้เมืองเบียร์เมื่อ โธมัส มุลเลอร์ โหม่งบอลผ่านมือของ ปีเตอร์ เช็ก ไปได้ แต่ในนาทีที่ 88 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็สามารถโหม่งบอลผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ ไปได้ทำให้ตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเป็นทางด้านของสโมสรเชลซีที่แม่นยำในการดวลจุดโทษและเอาชนะไปได้ 4-3 และคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรได้สำเร็จ และยังสามารถกลับมาคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้อีก 1 สมัย ด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล  ไปได้ ถึงแม้ในลีกจะจบอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางก็ตาม แต่ก็ถือว่าในปีนั้นพวกเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ในปีต่อมา ราฟาเอล เบนิเตซ ได้เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของสโมสรเชลซี และยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ไปได้จากการเอาชนะ เบนฟิกา 2-1 จนในเวลาต่อมาทางด้านบอร์ดบริหารของเชลซีจึงตัดสินใจที่จะดึง โชเซ มูรินโญ่ อีกครั้ง แต่ในการกลับมาสู่สโมสรเชลซีในครั้งนี้ของเขานั้นกลับสร้างความเสียหายให้กับสโมสรอย่างมากมายและยังไม่สามารถพาทีมเข้าไปมีลุ้นแชมป์ได้เลยสักรายการเดียว แต่ในซีซั่นต่อมาในฤดูกาล 2014-2015 มูรินโญ่ สามารถพาทีมกลับมาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและ แคปิตอล วัน คัพ ไปได้

ในซีซั่น 2015-2016 เชลซีเริ่มต้นฤดูกาลด้วยความคาดหวังอย่างสูง แต่ด้วยสภาพของทีมในเวลานั้นเหมือนกันจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างมากมายภายในทีมและเริ่มทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างนักเตะกับผู้จัดการทีม ทำให้ เชลซี ในเวลานั้นเริ่มทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร โดยพวกเขาไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยแม้แต่นัดเดียวในการลงแข่งขันปรีซีซั่น และยังต่อเนื่องมาจนถึงการพ่ายแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล ในศึก เอฟเอ คอมมิวนิตีชิลด์ นี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่ โชเซ่ มูรินโญ่ แพ้ให้กับทางด้านของ อาร์แซง แวงเกอร์ อีกด้วย นอกจากนี้หลังจากเปิดศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 จากที่เคยเป็นทีมที่มีเกมรุกที่น่ากลัวพวกเขาก็สามารถที่จะแพ้ให้กับทุกทีมได้เสมอ ทำให้ประธานสโมสรอย่าง อับราโมวิช จึงตัดสินใจที่จะปลด มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่งอีกครั้ง และแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามารับตำแหน่งแทนอีกครั้ง ถึงแม้รูปเกมจะดีขึ้นบ้างแต่ผลการแข่งขันส่วนใหญ่นั้นจะค่อนข้างออกไปในทางเสมอ และยังตกรอบการแข่งขันฟุตบอลถ้วยลงเล่นทุกรายการ นอกจากนี้พวกเขายังจบฤดูกาลได้เพียงแค่อันดับที่ 10 และไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีต่อไปได้ จนกระทั่งหลังจบฟุตบอลยูโร 2016 เชลซี ได้ทำการแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม เขาสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยระบบแผนการเล่น 3-4-3 โดยเขาสามารถทำให้สามารถคว้าชัยชนะมาได้ติดต่อกันถึง 13 เกมอย่างต่อเนื่อง และสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ

หลังจากเอาชนะ เวสต์บรอมมิช อัลเบี้ยน ไปได้ และนอกจากนี้ เชลซี ยังสามารถทำสถิติเป็นแชมป์ลีกที่มีชัยชนะถึง 30 นัดรวด ต่อมาในฤดูกาล 2017-2018 เซลซีสามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่เป็นมาตรฐานของทีมไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยกัน แต่ในช่วงท้ายฤดูกาลนั้นอยู่ๆ เชลซีก็ฟอร์มหลุดไปแบบกู่ไปกลับ จากที่การันตีพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็กลายเป็นหลุดไปเล่นใน ยูฟ่า ยูโรปาลีก แทน ทำให้บอร์ดบริหารทำการปลด คอนเต ออกจากตำแหน่งทันทีหลังจบฤดูกาลทันที และแต่งตั้ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามาคุมทีมแทน เขาสามารถสร้างสถิติชนะติดต่อกันได้หลายนัดด้วยกัน จนทำให้สื่อหลายสำนักต่างกล่าวขานถึงวิธีการเล่นของเชลซีในเวลานั้นว่า ซาร์รี่สไตล์ แต่สุดท้ายแล้วนั้นฟอร์มการเล่นของพวกเขาก็กลับสะดุดอีกครั้งจนถึงขั้นแพ้ติดต่อกันหลายๆ นัด ทำให้เวลาต่อมาสถานการณ์ของ ซาร์รี่ ดูเหมือนจะไม่สู้ดีนัก แถมยังตกรอบฟุตบอล เอฟเอคัพ ด้วยการพ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 2-0 และยังเกิดปัญหากับตัวนักเตะอย่าง เกปา อาร์ริซาบาลากา ที่ขัดคำสั่งในการเปลี่ยนตัว ทำให้หลายๆ คนเริ่มกังวลถึงปัญหาเรื่องสปิริตภายในทีม จนสุดท้ายแล้ว อาร์ริซาบาลากา จึงถูกแบนเป็นเวลา 2 นัด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ซาร์รี่ จะสามารถพาทีมขึ้นมาจบอยู่ที่อันดับ 3 และยังพาเชลซีคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้สำเร็จ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงต้องย้ายออกจากสโมสรเพื่อย้ายไปคุมทีม ยูเวนตุส ในช่วงปิดซีซั่นที่ผ่านมา

จนทำให้เมื่อช่วงต้นเดือน มิถุนายน 2019 เชลซีได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ท ได้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรอย่างเป็นทางการ และพร้อมจะพาทีมสู้ศึก พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2019-2020 ที่กำลังจะมาถึงนี้

สแตมฟอร์ด บริดจ์

chelsea-stamford-bridge

เดอะ บริดจ์ หรือ  สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกและแห่งเดียวของสโมสรเชลซี ตั้งอยู่ในเขตฟูแลม เมืองลอนดอน โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 เมษายน 1877 ในช่วง 28 ปีแรกนั้น ได้เปิดให้ใช้บริการเป็นสนามกรีฑา โดยสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวสก็อตแลนด์ และสามารถบรรจุผู้เข้าชมได้ถึง 42,000 คน นอกจากนี้ยังมีแผนการที่จะขยายสนามเพิ่มยอดผู้เข้าชมเป็น 60,000 คน ในเร็วๆ นี้อีกด้วย

เกียรติประวัติของสโมสร

chelsea-trophy

ภายในประเทศ

ดิวิชั่น 1 / พรีเมียร์ลีก : 1954-1955, 2004-2005, 2005-2006, 2009-2010, 2014-2015, 2016-2017

ดิวิชั่น 2 / แชมเปี้ยนชิพ : 1983-1984, 1988-1989

เอฟเอคัพ : 1969-1970, 1996-1996, 1999-2000, 2006-2007, 2008-2009, 2009-2010, 2011-2012, 2017-2018

อีเอฟแอลคัพ : 1964-1965, 1997-1998, 2004-2005, 2006-2007, 2014-2015

เอฟเอ คอมมิวนิตีชิลด์ / ชาริตีชิวด์ : 1955, 2000, 2005, 2009

ฟูลล์ เมมเบอร์ส คัพ : 1986, 1990

ระดับทวีป

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : 2011-2012

ยูฟ่า ยูโรปาลีก : 2012-2013, 2018-2019

ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ : 1970-1971, 1997-1998

ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ : 1998

เอฟเอ ยูธ คัพ : 1960, 1961, 2008, 2010

ระดับโลก

ฟีฟ่า คลับเวิลด์คัพ : 2012

ข้อมูลจากสโบเบท

ประวัติ Jonathan Haggerty จอมปราบมวยไทย คว้าแชมป์โลก ONE

Jonathan haggerty (โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี) นักกีฬามวยไทย จากประเทศอังกฤษ โดยตัวเขากำลังได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก ด้วยฝีมือการต่อยฝึกซ้อมมวยมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขายังรักวิชามวยไทยมากด้วย โดยในตอนนี้เขาเป็นนักกีฬา One Championship เนื้อหอมมากที่สุด...[...]


ประวัติ สมิงดำ ลูกสวน มวยบู๊ เจ้าของฉายา เต่านินจาเมืองไทย หมัดแรงดุดัน

สมิงดำ ลูกสวน นักมวยไทย ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งเวที ONE ลุมพินี ที่มีการต่อยดุดัน กล้าแลกหมัดคู่ต่อสู้ได้อย่างสนุก แถมเขายังฐานแฟนคลับมากยิ่งขึ้นในไทย ทำให้เวลานี้ สมิงดำ มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย...[...]


ประวัติ ยอดไอคิว พีเค.แสนชัยฯ มวยไทย ยอดหมัดซ้ายรุนแรง


ยอดไอคิว พีเค.แสนชัยฯ นักมวยไทยดาวรุ่ง มีร่างกายที่กำยำ แถมยังผ่านศึกในรายการอย่าง วัน ลุมพินี มาแล้วด้วย ทักษะการออกหมัดอาวุธของเจ้าตัวนับว่ามีความรุนแรงอย่างมาก...[...]


ประวัติ เฟรดดี แฮ็กเกอร์ตี้ เดินตามรอยพี่ชาย โจนาธาน ฝันสู่แชมป์ ONE

นักมวยน่าจับตามองอีกหนึ่งคน เฟรดดี แฮ็กเกอร์ตี้ นักชกมวยไทยกำลังเข้าสู่ ONE ลุมพินี โดยเจ้าตัวเป็นน้องชายของ โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี้ 2 แชมป์โลกของศึก ONE Championship โดยน้องชายแชมป์โลก จะมาเปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 49...[...]


ประวัติ หนุ่มพังงา อีเกิ้ลมวยไทย ต่อยมวย ONE กตัญญูปลดหนี้ให้ครอบครัว

หนุ่มพังงา อีเกิ้ลมวยไทย นักชกมวยไทย ที่กำลังมีชื่อเสียงอย่างมากในเวลานี้ เขามีทักษะการชกพร้อมแลกบวกเข้าใส่ เป็นสไตล์ชนแลกหมัดกัน โดนอะไรมาก็สนองกลับไปแบบนั้น การเดินทางเข้าสู่เวทีมวยระดับโลก ONE ลุมพินี ทำให้เขารู้สึกดีใจมากจนน้ำตาไหล...[...]



©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.