จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (Jordan Henderson) หรือ จอร์แดน ไบรอัน เฮนเดอร์สัน เกิดวันที่ 17 มิถุนายน 1990 ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ เขาเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง โดยเขามีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลของทีมกรมตำรวจเดอแรม ทำให้เขาหลงใหลในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก และได้เข้าเป็นนักฟุตบอลในทีมเยาวชนของสโมสร ซันเดอร์แลนด์ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว ตัวของเขาก็ไม่ได้เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในเรื่องของเกมกีฬาแม้แต่อย่างใด แต่ด้วยความขยันและการแสวงหาโอกาสที่จะได้ลงเล่นฟุตบอลของเขา ทำให้โค้ชในทีมเยาวชน ซันเดอร์แลนด์ ชอบและยกย่องให้เขามีหัวใจนักสู้เป็นอย่างมาก
เฮนเดอร์สัน เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับสโมสร ซันเดอร์แลนด์ โดยเขาได้ลงเล่นในตำแหน่งปีก โดยในเวลานั้นเขาทำผลงานให้กับทีมเยาวชนของสโมสรได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นกำลังหลักในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเยาวชน ยู-18 ในปี 2008 มาครอบครองได้สำเร็จ ก่อนที่ในจะถูกปล่อยตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์และขัดเกลาฝีเท้ากับสโมสร โคเวนทรี ซิตี้ ในปี 2009
หลังจากที่เขาพาทีมเยาวชนชุด ยู-18 คว้าแชมป์ลีกมาได้นั้น เฮนเดอร์สัน ก็ได้รับข้อเสนอจากสโมสรในลีกล่างอย่างมากมาย ทางสโมสรจึงตัดสินใจที่จะส่งตัวเขาไปฝึกฝีเท้ากับทางสโมสร โคเวนทรี ซิตี้ ซึ่งการย้ายไปในสัญญายืมตัวของเขาในครั้งนี้ ทำให้ เฮนโด้ ได้รับโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนร่วมกับเกมอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลเป็นอย่างมาก เขาลงสนามไปทั้งหมด 13 นัด และทำไปได้อีก 1 ประตู ก่อนที่เขาจะได้รับอาการบาดเจ็บจากการถูกเข้าปะทะอย่างหนัก ทำให้ในซีซั่นที่ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีของเขาต้องจบลงอย่างรวดเร็ว และถูกส่งกลับไปรักษาตัวกับทางสโมสรต้นสังกัด
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้กลับมารักษาอาการบาดเจ็บจากในซีซั่น 2009/2010 ที่สโมสร ซันเดอร์แลนด์ จนหายขาด และได้เริ่มกลับมาฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ เฮนโด้ ได้ถูกทางต้นสังกัดดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรและยึดตำแหน่งปีกขวาตัวจริงของสโมสรได้ในทันที
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองของวงการฟุตบอลอังกฤษและยังเป็นที่หมายตาของสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างมากมายอีกด้วย ในซีซั่นต่อมา เฮนโด้ ยังคงได้รีบความไว้วางใจจากทางผู้จัดการทีมและกลายเป็นนักเตะตัวหลักที่สโมสรซันเดอร์แลนด์ ขาดไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีอายุน้อย แต่ สตีฟ บรูซ นายใหญ่ของทัพแมวดำในเวลานั้น ก็ได้เข้ามาปรับตำแหน่งให้กับตัวเขาให้เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางเป็นตัวขับเคลื่อนเกมในสนาม ซึ่งทำให้ตัวเขายิ่งมีฟอร์มการเล่นที่ดีและโดดเด่นมากกว่าตอนเล่นในตำแหน่งริมเส้น เพราะเฮนเดอร์สัน มีทักษะการจ่ายบอลที่แม่นยำและยังสามารถอ่านเกมได้อย่างชาญฉลาด เรียกได้ว่าเขากลายเป็นหัวใจสำคัญของ ซันเดอร์แลนด์ ทำให้ในฤดูกาล 2010/2011 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เขาได้ลงสนามให้กับทางสโมสรไปครบ 38 นัด เลยทีเดียว
จากฟอร์มการเล่นที่เจ้าตัวทำออกมาได้อย่างดีและมีความสม่ำเสมอเป็นอย่างมาก ทำให้สโมสร ซันเดอร์แลนด์ รีบต่อสัญญาให้กับเขายาวออกไปอีก 5 ปี และนอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำฤดูกาล 2010/2011 ของสโมสรซันเดอร์แลนด์อีกด้วย
ต่อมาหลังจบซีซั่นดังกล่าวเจ้าตัวกลายเป็นนักเตะที่เนื้อหอมที่มีหลายสโมสรยักษ์ตามล่าตัวเป็นอย่างมาก แต่แล้วก็เป็นสโมสร ลิเวอร์พูล ที่สามารถเจรจายื่นข้อเสนอขอซื้อตัว เฮนโด้ ได้สำเร็จ
หลังจากที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สร้างผลงานอันสุดยอดเยี่ยมให้กับสโมสร ซันเดอร์แลนด์ ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่รอช้ารีบยื่นข้อเสนอเป็นจำนวนเงิน 20 ล้านปอนด์เพื่อกระชากตัวเขาเข้ามาร่วมทีม พร้อมทั้งให้เสื้อหมายเลข 14 และคาดหวังว่าเขาจะเข้ามาเป็นตัวแทนของกัปตันทีมอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด
ซึ่งในฤดูกาลแรกที่เขาได้ย้ายมาอยู่กับสโมสร ลิเวอร์พูล ถือว่า เฮนเดอร์สัน ต้องทำงานหนักเพื่อที่จะหาโอกาสในการลงสนามในฐานะนักเตะตัวจริงบ้าง แต่เนื่องจากปัญหาการปรับตัวและทีมลิเวอร์พูลในเวลานั้นเต็มไปด้วยนักเตะชื่อดังอย่างมากมาย ทำให้เขาจำเป็นต้องรอโอกาสในการลงสนาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเจ้าตัวมันจะถูกส่งลงเล่นในเกมลีกคัพเพียงเท่านั้น
ในซีซั่นต่อมา เฮนเดอร์สัน ได้มีโอกาสในการลงสนามมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาเริ่มกลับมามีผลงานที่ดีขึ้นตามลำดับ และเริ่มที่จะได้ลงสนามแทน สตีเวน เจอร์ราร์ด อยู่อย่างบ่อยครั้งและกลายเป็นกำลังสำคัญในแดนกลางของ หงส์แดง ได้สำเร็จ ก่อนที่ในเวลาต่อมา เจอร์ราร์ด จะได้ย้ายออกจากสโมสรไป ทำให้เขาได้รับการโหวตจากเพื่อนร่วมทีมให้ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมคนต่อไป
หลังจากที่กัปตันทีมอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ได้อำลาสโมสรไปอยู่กับทาง LA Galaxy ทีมดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทางด้านสโมสร ลิเวอร์พูล ได้ทำการแต่งตั้งให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมคนใหม่ของสโมสร ในวันที่ 1 มีนาคม 2015
เฮนโด้ ได้ลงประเดิมสนามในฐานะกัปตันทีมคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในเกมสโมสร เปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 2-1 ถือเป็นการประเดิมปลอกแขนที่น่าจดจำในชีวิตการค้าแข้งของเขาเป็นอย่างมาก จากความเป็นผู้นำและมักจะกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้อยู่เสมอ ทำให้เขาสามารถปลุกใจเพื่อนร่วมทีมให้มีแรงวิ่งสู้กับสโมสรอื่นๆ ได้แบบน่าเหลือเชื่อ ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมในเวลานั้น ได้ทำการต่อสัญญา เฮนเดอร์สัน ยาวออกไปถึงปี 2020 พร้อมทั้งเพิ่มค่าเหนื่อยให้กับเขาเป็นจำนวนเงิน 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
จากการเข้ามาสร้างทีมและปรับปรุงสโมสรครั้งยิ่งใหญ่ ของบรมกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้สร้างความแปลกใหม่ภายในสโมสรอย่างมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงจะอยู่คู่กับทีมนั้นก็คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ยังคงได้รับหน้าที่คอยบัญชาเกมอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีในบ้างช่วงที่เขาฟอร์มตกหรือได้รับอาการบาดเจ็บ แต่ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการทีมรายนี้อยู่ตลอด
ซึ่งในฤดูกาล 2018/2019 เขาและสโมสรลิเวอร์พูลได้มีฟอร์มการเล่นที่ดุดันและสร้างหน้าประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรได้อีกหนึ่งครั้ง เพราะเขาสามารถพาทัพหงส์แดงเข้าไปได้ถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยต้องเข้าไปชิงถ้วยบิ๊กเอียร์กับสโมสรร่วมศึกพรีเมียร์ลีกอย่าง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนที่ในเวลาต่อมาทางด้าน ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 พร้อมคว้าแชมป์และประกาศตัวเองขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งทวีปยุโรปได้ในสมัยที่ 6
จนกระทั่งปลายปี 2019 สโมสรลิเวอร์พูลก็ได้ประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ในศึกการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกได้สำเร็จ จากการเอาชนะ ทีม ฟลาเมงโก สโมสรชั้นนำในประเทศ บราซิล ไปด้วยสกอร์ 1-0 ขึ้นผงาดคว้าแชมป์สโมสรโลกได้ในทันที
ทีมชาติอังกฤษได้เรียกตัว เฮนเดอร์สัน ติดมาเป็น 23 ผู้เล่นที่จะได้ไปทำการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 โดยเขาถูกเรียกตัวเข้ามาติดทีมชาติอังกฤษแทนที่ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่มีอาการบาดเจ็บและได้ถอนตัวออกไป โดย เฮนโด้ ได้ลงสนามในนามทีมชาติเป็นเกมแรกในฐานะตัวสำรอง จากการถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน สก็อต ปาร์คเกอร์ ในนัดที่ทีมชาติอังกฤษ เสมอกับทีมชาติฝรั่งเศส 1-1 ก่อนที่เขาจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงและพาทีมชาติผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มดี จากการ ชนะ 2 และเสมอ 1 โดยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เฮนเดอร์สัน ได้ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน สก็อต ปาร์คเกอร์ อีกครั้งในช่วงการต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ทีมชาติอังกฤษจะพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติอิตาลีจากการดวลจุดโทษ 2-4 หลังจากที่เสมอกันในช่วง 90 นาที 0-0 ส่งผลให้ทีมชาติอังกฤษต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันใรการแข่งขันยูโร
หลังจากนั้น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ มาอย่างต่อเนื่อง และได้มีส่วนสำคัญในการพาทีมชาติอังกฤษเข้าไปแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โดยในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นั้น ทีมชาติอังกฤษถือได้ว่าเป็นม้ามืดที่สามารถล้มชาติยักษ์ใหญ่ได้อย่างมากมาย ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ ทีมชาติเบลเยี่ยม ไปด้วยสกอร์ 2-0 จบรายการนี้ไปด้วยการเป็นอันดับที่ 4 ของทัวร์นาเมนต์
Jonathan haggerty (โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี) นักกีฬามวยไทย จากประเทศอังกฤษ โดยตัวเขากำลังได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก ด้วยฝีมือการต่อยฝึกซ้อมมวยมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขายังรักวิชามวยไทยมากด้วย โดยในตอนนี้เขาเป็นนักกีฬา One Championship เนื้อหอมมากที่สุด...[...]
สมิงดำ ลูกสวน นักมวยไทย ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งเวที ONE ลุมพินี ที่มีการต่อยดุดัน กล้าแลกหมัดคู่ต่อสู้ได้อย่างสนุก แถมเขายังฐานแฟนคลับมากยิ่งขึ้นในไทย ทำให้เวลานี้ สมิงดำ มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย...[...]
ยอดไอคิว พีเค.แสนชัยฯ นักมวยไทยดาวรุ่ง มีร่างกายที่กำยำ แถมยังผ่านศึกในรายการอย่าง วัน ลุมพินี มาแล้วด้วย ทักษะการออกหมัดอาวุธของเจ้าตัวนับว่ามีความรุนแรงอย่างมาก...[...]
นักมวยน่าจับตามองอีกหนึ่งคน เฟรดดี แฮ็กเกอร์ตี้ นักชกมวยไทยกำลังเข้าสู่ ONE ลุมพินี โดยเจ้าตัวเป็นน้องชายของ โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี้ 2 แชมป์โลกของศึก ONE Championship โดยน้องชายแชมป์โลก จะมาเปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 49...[...]
หนุ่มพังงา อีเกิ้ลมวยไทย นักชกมวยไทย ที่กำลังมีชื่อเสียงอย่างมากในเวลานี้ เขามีทักษะการชกพร้อมแลกบวกเข้าใส่ เป็นสไตล์ชนแลกหมัดกัน โดนอะไรมาก็สนองกลับไปแบบนั้น การเดินทางเข้าสู่เวทีมวยระดับโลก ONE ลุมพินี ทำให้เขารู้สึกดีใจมากจนน้ำตาไหล...[...]
©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.