• www.sbobetonline24.com เราคือตัวแทนจาก sbobet โดยตรง บริการแทงบอลออนไลน์ที่ดีที่สุด
  • ขณะนี้ได้มีกลุ่มแอบอ้างหลอกโอนเงิน เพื่อความปลอดภัย กรณีมีการเปลี่ยนบัญชี รบกวนท่านสมาชิกตรวจสอบให้ถูกต้องก่อน ยกตัวอย่าง โทรกลับมาที่ Call center สอบถามทีมงานเพื่อความถูกต้อง
  • ประกาศ!!! ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์การถอนเงิน และยึดเงินวางเดิมพัน สำหรับลูกค้าที่มีการเล่นแบบผิดปกติ หรือ ใช้โปรแกรมในการช่วยเล่น โดยที่ไม่จำเป้นต้องแจ้งล่วงหน้า
 

ประวัติ เวย์น รูนี่ย์ ตำนานทีมชาติอังกฤษและแมนยู

Wayne Mark Rooney ชื่อเต็มของ เวย์น รูนี่ย์ เป็นลูกชายคนโตของ โทมัส และ เจนเนสส์ รูนี่ย์ เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1985 พ่อและแม่ของเขาเป็นชาวไอริชที่อพยพเข้ามาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ย่านคร็อธเทธ เมืองลิเวอร์พูล ในครอบครัวที่เป็นคาทอลิก เวย์น รูนี่ย์ จึงเข้าร่วมโรงเรียนประถม Our Lady และ St. Smiithin หลังสำเร็จการศึกษาระดับประถม เวย์น รูนี่ย์ ได้เข้าศึกษาต่อที่ De La Salle Humanities College โดยสถานศึกษาแห่งนี้ยังเป็นที่เจียระไนฝีเท้าให้เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังอีกด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาน้องชายของเขา เกรแฮม และ จอห์น ก็ได้เดินตามรอยพี่ชายมาติดๆ

rooney-young

รูนี่ยในวัยเด็กกับน้องๆของเขา

rooney-young-everton

รูนี่ย์ได้เล่นทีมเยาวชนของทีมเอฟเวอร์

เส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

ในขณะที่ รูนี่ย์ ศึกษาและเล่นฟุตบอลให้กับ De La Salle Humanities College ก็ได้มีแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่หลายทีมให้ความสนใจในตัวของเขา แต่ในความรักที่มีแต่ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน จึงทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นที่จะเข้าร่วมทีมเยาวชนและเป็นนักเตะฝึกหัดกับทีมเอฟเวอร์ตันในปี 1996 ด้วยความเก่งกาจและพรสวรรค์ที่มีพร้อมเขาใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรได้ และได้แจ้งเกิดกับทีมด้วยการพังประตูในเกมที่เอฟเวอร์ตันเอาชนะอาร์เซน่อลในเกมพรีเมียร์ลีก

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2002 โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน โทมัส รัดซินสกี ในนาทีที่ 80 และในเกมนัดนั้นเขายังสามารถหยุดสถิติไร้พ่ายของอาร์เซน่อลไว้ได้ที่ 30 นัดต่อติดกันในลีก ด้วยท่าดีใจประกอบกับเสื้อซับในที่สกรีนประโยคเด็ดที่ว่า “Once a blue, Always a blue” ทำให้สร้างเสียงฮือฮาและส่งผลให้เขากลายเป็นที่รักของบรรดาแฟนบอลท็อฟฟี่สีน้ำเงิน พร้อมทั้งกลายเป็นนักเตะมหัศจรรย์ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีได้ในทันที

rooney-number8

รูนี่ย์ได้เซ็นสัญญากับแมนฯยูไนเต็ดในยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ

ก้าวเข้าสู่โรงละครแห่งความฝัน

รูนี่ย์ มีความที่โดดเด่นในการเล่นฟุตบอลหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยิงประตู, ความเร็ว, ความแข็งแกร่งของร่างกาย, และการสร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เป็นที่หมายปองของสโมสรน้อยใหญ่ในเกาะอังกฤษมากมาย จนกระทั่งในปี 2004 เวย์น รูนี่ย์ ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ พร้อมทั้งสวมเสื้อหมายเลข 8 เขามีค่าจ้างต่อสัปดาห์สูงถึง 100, 000 ปอนด์เลยทีเดียว ทำให้ในเวลานั้นเขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีค่าตัวแพงที่สุดของโลกเลยทีเดียว

ซึ่งในงานแถลงข่าวเปิดตัว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมมีความรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าตอนนี้เรากำลังที่ได้เตะหนุ่มที่มีความยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศนี้ในรอบ 30 ปี เลยทีเดียว เราทุกฝ่ายพอใจกับการเซ็นสัญญาในครั้งนี้” และในเกมเปิดตัวในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ เฟเนร์บาห์เช ในเกมแชมป์เปียนส์ ลีก

เขาสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟนผีแดงได้วยด้วยการไล่พังประตู เฟเนร์บาห์เช ไปได้ถึง 3 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดใหม่เอาชนะ เฟเนร์บาห์เช ไปถึง 6–2 ทำให้บรรดาแฟนบอลและเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม ต้องออกมายอมรับในฝีเท้าและซูฮกกับฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของดาวเตะมหัศจรรย์คนนี้กันเลยทีเดียว ด้วยความเก่งกาจและพรสวรรค์มากมายของตัวเขาจึงทำให้เขาเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของสโมสรและในทีมชาติเลยก็ว่าได้

อันที่จริงแล้ว รูนี่ย์ มีแนวโน้มว่าจะได้อยู่ที่ เอฟเวอร์ตัน ต่อ หากไม่มีการต่อรองจากทางด้าน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ปีศาจแดงก็อาจจะไม่มีวันได้ตัวดาวเตะผู้นี้แล้วก็ได้ ในขณะที่สื่อหลายสำนักกำลังประโคมข่าวเกี่ยวกับการซื้อตัวนักเตะ จึงทำให้สร้างแรงกดดันให้กับทางเอฟเวอร์ตัน เป็นอย่างมาก แต่ถึงยังไงแม้ว่าพวกเขาพยายามที่รั้งตัวนักเตะไว้ด้วยการเสนอสัญญา 5 ปี และค่าเหนื่อยที่สูงสุดในสถิติสโมสร คือ 50,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ แต่นั่นก็ยังไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับตัวดาวเตะผู้มากพรสรรค์รายนี้ได้

Rooney-number10

รูนี่ย์ได้เปลี่ยนมาใส่เบอร์10

เปิดหน้าตำนานเบอร์ 10 คนใหม่

เวย์น รูนี่ย์ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงบทบาทใหม่ในทัพปีศาจแดง ด้วยการเปลี่ยนมาสวมหมายเลข 10 แทนที่ของการจากไปของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ในปี 2006 โดยที่เขานั้นทราบดีถึงความกดดันที่จะตามมาพร้อมกับบทบาทดาวยิงคนใหม่ของทีม ซึ่งก่อนหน้านี้เบอร์ 10 ของทีมนั้นได้เคยตกเป็นของนักเตะระดับตำนานของสโมสรหลายคน เช่น เดวิด เบ็คแฮม, เท็ดดี้ เชอริงแฮม, เดนิส ลอว์, มาร์ค ฮิวจ์, และ รุด ฟาน นิสเตลรอย

โดยหลังจากที่เขาได้รับเสื้อหมายเลข 10 สวมใส่ ก็ได้ออกมากล่าวผ่านสื่อต่างๆ ว่า เขารู้ดีว่าหมายเลขนี้เป็นหมายเลขที่นักเตะระดับตำนานของทีมและคีย์แมนคนสำคัญเท่านั้นที่จะได้รับมันมาสวมใส่ เขารู้ซึ้งถึงความสำคัญของหมายเลขนี้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะสร้างตำนานบทใหม่ไปพร้อมกับหมายเลข 10 ที่ได้รับมอบหมายมาทันทีเมื่อเปิดฤดูกาลแข่งขันใหม่ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลปีศาจแดงผิดหวัง โดยเขาและเพื่อนร่วมทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาให้แฟนบอลได้ชื่นชมและสร้างเกียรติให้กับสโมสรได้อีกด้วย

Champions-League-winners

รูนี่ย์และแมนฯยูไนเต็ดได้คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก

ประกาศความยิ่งใหญ่ และครองเจ้ายุโรป

หลังจบฟุตบอลโลก 2006 รูนี่ย์ ซึ่งยังมีความผิดหวังจากการตกรอบฟุตบอลโลก เขาได้กลับมาฝึกซ้อมกับต้นสังกัดอย่างหนักและหวังว่าในซีซั่น 2006–2007 เขาจะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอบครองได้ให้ และด้วยความร้อนแรงของเจ้าตัวและคู่หูในเกมรุก อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด ที่ได้ช่วยกันพังประตูคู่แข่งแล้วจบซีซั่นนั้นด้วย 89 คะแนน ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่ 1 ของตารางและสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอบครองได้สำเร็จ โดยจบฤดูกาลนี้ รูนี่ย์ สามารถทำประตูในลีกไปได้ถึง 14 ประตู

rooney-over

รูนี่ย์สามารถทำประตูในเกมที่พบกับแมนซิตี้ได้

เมื่อเปิดตลาดซื้อ–ขาย ด้วยความที่อยากจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับทัพผีแดง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ทำการยืมตัว คาลอส เตเบส มาร่วมทีม เพื่อเสริมแนวรุกให้มีความดุดันมากพอและพร้อมที่จะสู้ศึก แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่น 2007-2008 กล่าวคือ พวกเขามีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะก้าวเป็นเจ้าแห่งทวีปยุโรปให้ได้ ซึ่งพวกเขาสามารถจบฤดูกาล 2007–2008 ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และยังสามารถเข้าไปชิงแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก กับ เชลซี ทีมร่วมลีกที่อยู่กำลังร้อนแรงอยู่ในเวลานั้น

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะมาขวางพวกเขาได้ โดยที่จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะ เชลซี ไปได้ด้วยการดวลจุดโทษ 6–5 หลังครบ 90 นาที เสมอกันอยู่ที่ 1–1 จึงทำให้ เวย์น รูนี่ย์ และพลพรรคปีศาจแดงผงาดคว้าแชมป์เป็นเจ้ายุโรปได้สำเร็จ

ซึ่งหลังจากนั้นในฤดูกาล 2009–2010 เวย์น รูนี่ย์ ได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด ดาวยิงซุปเปอร์สตาร์ประจำทีมได้ย้ายออกจากทีม ไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ ให้กับตัวเอง แฟนบอลต่างพากันตั้งความหวังกับตัวเขาในฐานะดาวยิงคนใหม่ของทีม โดยที่เขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง ด้วยการถล่มประตูไปทั้งหมด 26 ประตู ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ดีสุดในชีวิตการค้างแข้งของเขาเลยที่เดียว ทำให้แฟนผีแดงลืมดาวดังคนเก่าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด ไปได้อย่างสนิทใจ

rooney-manunited

เกมเปอร์ตัวของรูนี่ย์ที่เล่นให้กับแมนยู

บทบาทสำคัญกับการสวมปลอกแขนกัปตันทีม

ด้วยความเปลี่ยนแปลงหมายๆ อย่างของสโมสร และการย้ายออกจากทีมของกัปตันทีมคนเก่าอย่าง เนมันย่า วิดิช ที่ย้ายไปร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน และการเข้ามาของกุนซือจอมปรัชญาอย่าง หลุย ฟาน กัล ส่งผลให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้ขึ้นแท่นกลายเป็นกัปตันทีมคนใหม่ทันที เขาได้ประเดิมสนามในฐานะกัปตันทีมคนใหม่ด้วยกันซัดลูกยิงจักรยานอากาศส่งลูกบอลเข้าไปตุงตาข่ายในเกมกับ สวอนซี ทันที แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะพาทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้

ในวันที่ 27 กันยายน 2014 เขาสามารถทำลายสถิติขึ้นมาเป็นดาวยิ่งสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับ 2 แทนที่ของ เธียร์รี่ อองรี ด้วยจำนวนประตู 208 ลูก ได้สำเร็จและได้พาทีมขึ้นไปรั้งอันดับ 3 หลังพาทีมชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 2–1 แต่ก็ต้องสังเวยชัยชนะครั้งนี้ด้วยใบแดงไล่ออกจากสนามไป

ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2016 เขาสามารถทำประตูที่ 238 และแซงหน้า เดนนิส ลอว์ ในการทำประตูสูงสุดของสโมสร ตามหลังแค่เพียง เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แค่คนเดียวเท่านั้น และในปีเดียวกัน รูนี่ย์ ได้พาต้นสังกัดทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขัน ฟุตบอล เอฟเอคัพ และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ ด้วยการเอาชนะ คริสตัน พาเลช 2–1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ผีแดงโฉมใหม่ ภายใต้การคุมทีมของ เดอะ สเปเชี่ยล วัน

ในปี 2016 หลัง หลุด ฟาน กัลป์ ถูกยุติตำแหน่งในฐานะนายใหญ่ทัพผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แต่งตั้งนายใหญ่คนใหม่เขามาแทนที่ทันที โดยผู้สืบทอดทำนานบทนี้ ก็คือ โจเซ่ มูรินโญ่ เขาเข้ามาพร้อมกับความหวังมากมายที่จะพาทีมกลับไปสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ทั้งหลาย แต่เหมือนว่าการกลับเข้าสู่เส้นทางนั้นช่างดูยากลำบากมาก

เขาได้ทำการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของนักเตะในทีม และได้ดึงนักเตะเยาวชนขึ้นมาทดลองใช้มากมาย อีกทั้งยังดึงมหาเทพอย่าง ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช เข้ามาร่วมทีมแบบฟรีๆ อีกด้วย การเข้ามาของ ซลาตัน นั้น ทำให้ รูนี่ย์ ได้ถูกลดบทบาทในทีมไปอย่างมาก

rooney-jose-mourinho

รูนี่ย์ได้ร่วมงานกับมูริโญ่

เขาถูกดึง ลงมาเล่นเป็น กองกลางตัวรุก และอีกหลายๆ ตำแหน่ง ทำให้โอกาสได้การทำประตูนั้นยิ่งน้อยลง แต่ก็ยังสามารถทำประตูได้อยู่เสมอ ทั้งยังสร้างสถิติให้ตัวเองด้วยการทำประตูที่ 39 ในเวทียุโรปแซงหน้ากองหน้ารุ่นพี่อย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย ในศึกยูโรป้า ลีก ที่ต้นสังกัดสามารถเอาชนะ เฟเยนูดร์ด 4 – 0 และในวันที่ 7 มกราคม ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 แมนฯยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับ เรดดิ้ง เวย์น รูนี่ย์ สามารถทำประตูให้กับตัวเองเพิ่มอีก 1 ประตู ส่งผลให้เขาสามารถสร้างเกียรติประวัติให้กับตัวเองได้ด้วยการเป็นดาวยิงสูงสุดของสโมสร โดยทำได้ทั้งหมด 249 ประตู เทียบเท่ากับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ในทันที

กลับสู่บ้านเก่า และการเดินทางสู่โลกใบใหม่

Wayne-Rooney-everton2018

รูนี่ย์ได้ย้ายไปร่วมทีมหลังจบซีซั่นเมื่อฤดูกาล 2016-2017

หลังการเข้ามาคุมทีมของ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” โจเซ่ มูรินโญ่ เวย์น รูนี่ย์ ก็ถูกลดบทบาทลงไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโอกาสการลงสนามหรือถูกจับมานั่งเป็นตัวสำรองตลอด ส่งผลให้เจ้าตัวไม่ค่อยจะมีความสุขกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้สักเท่าไหร่

จึงตัดสินใจขึ้นบัญชีขอย้ายออกจากทีมทันที ซึ่งแน่นอนเป้าหมายเดียวที่เขาต้องการที่จะย้ายไปนั่นคือ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นที่ที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมา เปรียบเสมือนว่าเป็นบ้านหลังที่สองของเขา โดยไม่นานหลังมีข่าวว่าเขาได้ทำการขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากทีมนั้น เขาก็ได้บรรลุข้อตกลงกับไปร่วมทีมเอฟเวอร์ตัน

โดยที่เขายอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงมาถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จากที่เคยรับอยู่ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยเขาเข้าไปสวมเสื้อหมายเลข 10 แทนที่ของ โลเมลู ลูกากู ที่ได้ย้ายสลับขั้วไปอยู่กับต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นและการเล่นที่ช้าลงของตัวเขา ทำให้เขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ โรนัลด์ คูมัน ทำให้เขาต้องจึงตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการย้ายข้ามทวีปไปค้าแข้งอยู่ในศึกเมเจอร์ลีก ของประเทศ สหรัฐอเมริกา กับทีม ดีซี ยูไนเต็ด ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง

rooney-dc

รูนี่ย์ได้ย้ายไปร่วมทีมกับดีซียูไนเต็ด

และเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2018 ได้ออกมาแถลงกับสื่อหลายสำนักว่าเขาต้องการที่จะยุติบทบาทการเล่นฟุตบอลในนามทีมชาติอย่างเป็นทางการ โดยดาวยิงวัย 32 ปีผู้นี้ได้ลงสนามรับใช้ทีมอังกฤษนัดในแรกเมื่อเขาอายุเพียง 17 ปี 111 วัน และลงเล่นไปทั้งหมด 119 นัด สามารถทำประตูได้ทั้งหมด 53 ประตู พร้อมทั้งยังเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของประเทศอังกฤษ รวมทั้งยังเป็นนักเตะที่รับใช้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับสอง เป็นรองแค่ ปีเตอร์ ชิลตัน แค่ 6 นัดเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่ออายุมากขึ้น ฟอร์มการเล่นก็ลดถอยลง ทำให้มีเด็กรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพที่จะพร้อมรับใช้ชาติและทำผลงานได้ดีกว่าเขา แต่นี่สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาคือผู้เล่นระดับตำนานของจริง ไม่ว่าจะในระดับทีมชาติหรือสโมสร เขาก็ได้สร้างชื่อและได้จารึกเกียรติประวัติของตัวเองไว้มากมาย ว่าคือกองหน้าเบอร์ 1 ของประเทศอังกฤษ

rooney-eng

รูนี่ย์ติดทีมชาติและสามารถทำประตูได้

สร้างชื่อกับทีมชาติ

รูนี่ย์ สามารถสร้างชื่อและแสดงผลงานถึงความเป็น “เจ้าหนูมหัศจรรย์” ตั้งแต่เขายังเป็นเยาวชน โดยเขาทำผลงานได้ดีกับทีมเยาวชนเอฟเวอร์และได้ติดทีมชาติอังกฤษชุด ยู – 15 เขาลงเล่นไปทั้งหมด 4 นัด และสามารถทำประตูได้ทั้งสิ้น 2 ประตู ต่อมาด้วยความเก่งเกินอายุของเขา ทำให้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุด ยู–17 ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เขาลงเล่นไปทั้งหมด 12 นัด และสามารถทำประตูให้กับทีมชาติชุดเยาวชน ยู–17 ไปได้ถึง 7ประตูด้วยกัน

ต่อมาเขาได้สร้างเสียงฮือฮาอีกครั้งเมื่อในวัย 17 ปี เขามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุด ยู–19 และลงเล่นไปทั้ง 1 นัด และอีก 5 เดือนต่อมา ในปี 2003 เขาได้ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรก และสามารถครองสถิตินักเตะอายุน้อยที่ติดทีมชาติชุดใหญ่ได้ ก่อนที่ ธีโอ วัลคอตต์ จะขึ้นมาทำลายสถิติในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นเขาเสียงฮือฮาอีกครั้งด้วยการมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 2004 ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวไปถึงฝั่งฝัน เพราะต้องหยุดแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยการดวลจุดโทษกับทีมชาติโปรตุเกสที่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด เพื่อนร่วมสโมสรของเขาในเวลานั้น

rooney-redcard

ใบแดงในเกมทีมชาติที่พบกับทีมชาติโปรตุเกส

หลังจากนั้นเขาสามารถขึ้นมาเป็นขาประจำของทีมชาติอังกฤษมาตลอด หลังจากจบศึกฟุตบอลยูโร 2004 แล้ว อีก 2 ปีต่อมาเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นหลักให้กับทีมชาติอังกฤษอย่างเต็มตัว เนื่องจากในเวลานั้นทีมชาติอังกฤษมีขุมกำลังและซุปเปอร์สตาร์มากพอ ทำให้มีความพร้อมและคาดหวังว่าจะคว้าแชมป์โลกให้เป็นเกียรติประวัติแก่ตัวเองให้จงได้

แต่เหมือนโชคชะตาช่างเล่นตลกกับเขาและเหมือนโดนดับฝันทั้งตัวเขาและทีมชาติอังกฤษในทันที เมื่อเขาถูกใบแดงในจังหวะที่เข้าแย่งบอลกับทาง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ซึ่งทำให้ทีมชาติอังกฤษ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ผู้เล่นเหลือน้อยกว่า 1 คน จึงทำให้ทีมเล่นลำบากมากขึ้นและพ่ายให้กับทีมชาติโปรตุเกสในการดวลจุดโทษหลังต่อเวลา 120 นาที ไปถึง 3–1นี่จึงถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญในชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ใบแดงจากคู่หู และเหตุการณ์ขยิบตา

ronaldo-rooney

ความบาดหมางระหว่างโรนัลโดกับรูนี่ย์

จากการโคจรมาพบกันของทีมชาติอังกฤษของ เวย์น รูนี่ย์ และทีมชาติโปรตุเกสของ คริสเตียโน่ โรนัลโด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกของทั้งคู่เพื่อนซี้ที่เล่นอยู่ที่สโมสรเดียวกัน แต่ในเกมนัดนั้น อาจจะจำให้ดูเหมือนว่าทั้งคู่ได้มีรอยบาดหมางกันขึ้นมา เมื่อในจังหวะที่ รูนี่ย์เข้าแย่งบอลกับกองหลังทีมชาติโปรตุเกส อย่าง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ในจังหวะนั้น ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ได้เสียจังหวะล้มลงไปนั่งแต่เขาก็ยังใช้ขาเล่นลูกบอลอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะเกิดเหตุที่ รูนี่ย์ พลาดและเผลอเหยียบเข้าไปที่ระหว่างขาของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่

ทันทีที่กรรมการได้เห็นเหตุการณ์ จะเกิดการชุลมุนของผู้เล่นทั้งสองทีมทันที โดยผู้เล่นทางฝั่งของโปรตุเกสได้เข้ากดดันกรรมการอย่างหนักและก็เป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด คู่หูในแนวรุกของ เวย์น รูนี่ย์ ในสมัยที่ยังค้าแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ได้วิ่งเข้าไปหากรรมการและพูดบางประโยคกับกรรมการทันที

ซึ่งทำให้ รูนี่ย์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และด้วยความที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนจึงได้ผลัก โรนัลโด ออกและได้พูดบางประโยคออกมา หลังจากนั้นเขาถูกใบแดง และทำให้ทีมต้องพ่ายแพ้ต่อทีมชาติโปรตุเกสในการดวลจุดโทษหลังการต่อเวลา 120 นาที ไป 3 – 1

หลังจบเกมได้มีกระแสถึงพฤติกรรมของ โรนัลโด และภาพที่เขาขยิบตาให้กับผู้จัดการทีม ซึ่งภายหลัง เวย์น รูนี่ย์ ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดในตอนนั้นว่า เขารู้สึกโมโห และ ไม่พอใจกับพฤติกรรมที่ โรนัลโด ที่วิ่งเข้ามาหากรรมการ และพูดในทำนองที่ว่าเขาพยายามที่จะเล่นนอกเกม และเหยียบเขาไปที่จุดสำคัญของ คาร์วัลโญ่

ซึ่งทำให้ รูนี่ย์ รู้สึกไม่พอใจและได้ผลักหน้าอกของ โรนัลโด ออกไปทันที ในขณะเดียวกันทางฝั่งของ โรนัลโด ก็ได้ออกมาเปิดเผยเช่นกันว่า เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อตัวเขาได้สวมใส่ยูนิฟอร์มของทีมชาติแล้ว เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะที่จะเกิดขึ้นเสมอ นี่จึงทำให้คนหลายๆ ฝ่ายคิดถึงถึงอนาคตของทั้งคู่ที่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แต่ด้วยความที่ทั้งคู่มีความสนิทและยังต้องเล่นอยู่ที่สโมสรเดียวกัน เพื่อทำการลุ้นแชมป์ต่อไป นี่จึงเป็นประเด็นที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ และได้เรียกให้ทั้งสองแข้งสตาร์ดังของทีมเข้ามาปรับความเข้าใจและดีกันได้ในที่ที่สุด ซึ่งในฤดูกาลถัดมา เขาทั้งคู่ก็ได้กลับมาร่วมงานกันที่สโมสรและร่วมกันคว้าแชมป์ได้อย่างมากมาย

เกียรติประวัติระดับสโมสร

rooney-united

รูนี่ย์ได้รับปลอกแขนเป็นกัปตันทีมคนใหม่ของแมนยู

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย 2006 – 2007, 2007 – 2008, 2008 – 2009, 2010 – 2011, 2012 – 2013
  • แชมป์ลีกคัพ 3 สมัย 2005 – 2006, 2009 – 2010, 2016 – 2017
  • แชมป์เอฟเอคอมมูนีตี้ชีลต์ 5 สมัย 2007, 2010, 2011, 2013, 2016
  • แชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีห 1 สมัย 2007 – 2008
  • ฟีฟ่าคลับ เวิลด์คัพ 1สมัย 2008
  • เอฟเอ คัพ 1 สมัย 2015 – 2016
  • ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 1 สมัย 2016 – 2017

เกียรติประวัติระดับทีมชาติ

Rooney-England

รูนี่ย์ประกาศอำลาทีมชาติ ในเกมที่อุ่นเครื่องกับสหรัฐอเมริกา

  • ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ ด้วยการทำประตูทั้งหมด 53 ประตู
  • รับใช้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดรองเป็นอันดับสอง รองมาจาก ปีเตอร์ ชิลตัน โดยรับใช้ทีมชาติไปทั้งหมด 119 นัด

ผลงานส่วนตัว

  • PFA Players’ Player of the Year (1): 2009–10
  • PFA Young Player of the Year (2): 2004–05, 2005–06
  • PFA Fans’ Player of the Year (2): 2005–06, 2009–10
  • PFA Premier League Team of the Year (3): 2005–06, 2009–10, 2011–12
  • FWA Footballer of the Year (1): 2009–10
  • Sir Matt Busby Player of the Year (2): 2005–06, 2009–10
  • BBC Young Sports Personality of the Year (1): 2002
  • Bravo Award (1): 2003
  • UEFA Euro 2004 Team of the Tournament
  • FIFPro World Young Player of the Year (1): 2004–05
  • Premier League Player of the Month (5): February 2005, December 2005, March 2006, October 2007, January 2010
  • Barclays Player of the Year (1): 2009–10
  • Premier League 20 Seasons Awards (1992–93 to 2011–12)
  • Best Goal (vs. Manchester City, 12 February 2011)
  • FIFA Club World Cup Golden Ball (1): 2008
  • England Player of the Year (2): 2008, 2009
  • Golden Boot Landmark Award 20 (1): 2009–10
  • FIFA/FIFAPro World XI (1): 2011

ข้อมูลจากสโบเบท

ประวัติ เจก พีค็อก นักชกแขนเดียว ONE ทักษะมวยไทยยอดเยี่ยม

เจก พีค็อก นักชกมวยไทยที่กำลังน่าจับตามองในเวลานี้ ด้วยร่างกายที่มี แขนเดียว กับ แขนครึ่งท่อน ทำให้หลายคนมองว่าเขาน่าจะเสียเปรียบคู่ต่อสู้แน่ แต่ที่ไหนได้เขามีจังหวะการเข้าต่อยดี สามารถปล่อยอาวุธออกมาได้สวยงาม...[...]


ประวัตินักมวย กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย หมัดซ้ายอุกกาบาต น่ากลัวรุนแรง

กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย นักมวยไทยที่มีท่าไม้ตายพร้อมจัดการคู่ต่อสู้ด้วยท่าไม้ตาย ซ้ายอุกกาบาต ฉายานี้เท่มาก เพราะเจ้าตัวมีพลังหมัดซ้ายรุนแรงจนทำให้คู่ต่อสู้ที่โดนตัดลำตัวหน้าทองต้องทรุดน็อกแทบทุกราย...[...]


ประวัติ Jayden danns ตามฝันพ่อสำเร็จ สู่กองหน้าดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล

Jayden danns (เจย์เดน อเล็กซานเดอร์ แดนส์) เด็กหนุ่มดาวรุ่งหัวฟูแห่งยอดทีม ลิเวอร์พูล กำลังฉายแววความเก่งของตัวเองให้คนทั่งโลกได้เห็นฟอร์มการเล่นของเขามากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดสามารถลงสำรองไปเอาชนะยอดทีม เชลซี ลงได้สำเร็จในรายการ คาราบาวคัพ...[...]


ประวัติ Jonathan Haggerty จอมปราบมวยไทย คว้าแชมป์โลก ONE

Jonathan haggerty (โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี) นักกีฬามวยไทย จากประเทศอังกฤษ โดยตัวเขากำลังได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก ด้วยฝีมือการต่อยฝึกซ้อมมวยมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขายังรักวิชามวยไทยมากด้วย โดยในตอนนี้เขาเป็นนักกีฬา One Championship เนื้อหอมมากที่สุด...[...]


ประวัติ สมิงดำ ลูกสวน มวยบู๊ เจ้าของฉายา เต่านินจาเมืองไทย หมัดแรงดุดัน

สมิงดำ ลูกสวน นักมวยไทย ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งเวที ONE ลุมพินี ที่มีการต่อยดุดัน กล้าแลกหมัดคู่ต่อสู้ได้อย่างสนุก แถมเขายังฐานแฟนคลับมากยิ่งขึ้นในไทย ทำให้เวลานี้ สมิงดำ มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย...[...]



©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.