โลกฟุตบอลในยุคปัจจุบันที่เหล่าสโมสรต่างๆ ต้องการความสำเร็จที่รวดเร็ว ไม่ต้องการอดทนรอความสำเร็จที่นานเกินไป โดยเฉพาะสโมสรใหญ่ๆ และมีเงินทุนในการล่าความสำเร็จ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ฉับไว จนนักเตะรวมไปถึงผู้จัดการทีมหลายคนต้องเจอกับความยากลำบากยามผลงานตก จึงเป็นเรื่องยากที่จะมองหานักเตะที่เป็นตำนานของสโมสรได้ แต่ล่าสุด แวงซองต์ กอมปานี หรือ Vincent Kompany เขาได้ประกาศอำลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังสิ้นสุดฤดูกาล 2018-2019 เรียบร้อยแล้ว ตลอด 11 ปี ที่ค้าแข้งให้กับเรือใบสีฟ้าฐานะกัปตันทีม จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร
กอมปานี เป็นนักเตะสัญชาติเบลเยี่ยม เกิดที่เมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งนักฟุตบอลเบลเยี่ยมที่ดีที่สุด และน่าจับตามองมากของวงการลูกหนัง ซึ่งเขาลงเล่นตำแหน่งกองหลังตัวกลาง
สำหรับศูนย์เยาวชนของ สโมสรอันเดอร์เลชท์ (Anderlecht) คือ สโมสรแรกที่ยอดกัปตันทีมคนนี้ลงเล่น เขาลงเล่นในบ้านเกิดด้วยวัยเพียง 6 ขวบ ฝึกฝีเท้าอยู่นั่นนานกว่า 11 ปี จนอายุครบ 17 ปี จึงได้รับโอกาสก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ ในปี 2003 ก่อนที่จะแจ้งเกิดเต็มตัวทันทีด้วยการคว้ารางวัล Belgian Golden Shoe ในปี 2004 และ Belgian Ebony Shoe โดยจะ 2 รางวัลจะกล่าวจะมอบให้แก่นักเตะที่โดดเด่นตั้งแต่ฤดูกาลแรก และมีฟอร์มการเล่นดียอดเยี่ยม
ซึ่งยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาสำหรับนักเตะอายุ 17 ปี จะได้ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ โดยเฉพาะตำแหน่งกองหลัง ที่ต้องใช้ประสบการณ์ ความสุขุมเยือกเย็น โดยเฉพาะกับทีมที่ดีที่สุดของลีกสูงสุดเบลเยี่ยมอย่าง อันเดอร์เลชท์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกอมปานี เขาได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง
จนโชคร้ายต้องถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานในครึ่งฤดูกาลหลัง 2005-2006 ก่อนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บ โดยกินเวลายาวนานกว่า 2 เดือน และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการมองหาความท้าทายใหม่ๆ ของยอดกองหลังรายนี้ เมื่อลีกเบลเยี่ยมและสโมสรอันเดอร์เลชท์ มันเล็กเกินไปสำหรับเขา
แน่นอนว่ามีสโมสบิ๊กเนมมากมายจากลีกชั้นนำทั่วยุโรปต่างต้องการตัว กอมปานี ไปร่วมทีม โดยเฉพาะยอดทีมจากลีกเอิง อย่าง โอลิมปิก ลียง คือตัวเต็งที่จะได้ตัวไปร่วมทีม แต่สุดท้ายกลายเป็น ฮัมบูร์ก ทีมชั้นนำจากบุนเดสลีกา
วันที่ 9 มิถุนายน 2006 วินนี่ หรือ กอมปานี ย้ายเข้าสู่อ้อมอกของฮัมบูร์ก ด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร ด้วยวัยเพียง 20 ปี ด้วยย้ายมาแทนนักเตะเพื่อนร่วมชาติอย่าง Daniel Van Buyten ยอดกองหลังอีกคนจากเบลเยี่ยม โดยในปีเดียวกันที่ กอมปานี ย้ายมาสู่ ฮัมบูร์ก เวน บาสเท่น ก็ย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค พอดี
แต่การเริ่มต้นกับฮัมบูร์กของ กอมปานี ในฤดูกาลแรกไม่สวยหรูนัก หลังจากลงสนามให้กับ “สิงห์เหนือ” ไปเพียง 6 นัด เขาก็ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บอย่างหนัก ถึงขั้นต้องพักยาวทั้งฤดูกาลเลยทีเดียว
เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 เขากลับลงเล่นให้กับฮัมบูร์กอีกครั้ง และเล่นไปกว่า 37 นัด ทำไปได้ 3 ประตู แต่ต้องยอมรับว่าเขาไม่ได้มีฟอร์มที่โดดเด่นเหมือนเดิม แต่ก็อยู่บนมาตรฐานของเขา และนั้นก็เพียงพอต่อการถูกเรียกไปเป็น 1 นักเตะทีมชาติเบลเยี่ยม ชุดลุยศึกโอลิมปิก ปี 2008 ณ กรุงปักกิ่ง พร้อมกับเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับสโมสรฮัมบูร์ก
และแล้วก็ถึงเวลาที่ กอมปานี ในวัย 24 ปี เขาย้ายมาร่วมทัพ “เรือใบสีฟ้า” วันที่ 22 ตุลาคม 2008 เป็นยุคที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพื่อไล่ล่าความสำเร็จ ด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโร โดยได้รับเบอร์เสื้อ 33 และเขาก็ไม่ทำให้ผู้จัดการทีมเวลานั้นอย่าง มาร์ค ฮิวจส์ ผิดหวัง เขาได้รับการไว้วางใจให้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่ง กอมปานี ได้ลงเล่นนัดแรกกับการเจอกับ เวสต์แฮม ก่อนที่จะทำประตูแรกของตนเองบนเวที พรีเมียร์ลีก ได้เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2009 ในเกมที่ยกพลบุกชนะวีแกน 2-1
เพียงปีเดียว คือปี 2009 กอมปานี ได้รับสัญญาฉบับใหม่ ด้วยระยะสัญญา 5 ปี ทำให้เขาอยู่ยาวกับทีมไปจนถึงปี 2014 ต่อมา วินนี่ ได้รับหมายเลขเสื้อประจำตัวของเขาสำหรับการลงเล่นฤดูกาล 2010-11 นั่นคือหมายเลข 4 จากเจ้าของเดิมอย่าง เนดุม โอนูโอฮา ซึ่งเป็นเจ้าของเบอร์เสื้อคนเก่า ที่ต้องย้ายไป ซันเดอร์แลนด์ แบบยืมตัว และซีซั่นดังกล่าวเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นแนวรุก พร้อมกับมี โคโล ตูเร่ เป็นคู่หูแนวรับ ก่อนที่ปราการหลังเจ้าของความสูง 191 ซม. ได้รับปลอกแขนกัปตันทีม ลงนำทัพเป็นครั้งแรกตั้งแต่ย้ายมายัง เอติฮัด สเตเดียม แทน คาร์ลอส เตเบซ ที่ไม่สามารถลงเล่นได้ ในเกมที่จะพบกับแบล็คเบิร์น
มาจนถึงฤดูกาล 2010-2011 เป็นฤดูกาลแรกที่เขาคว้าแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นคือแชมป์ FA Cup ถ้วยเก่าแก่ที่สุดประจำเกาะอังกฤษ พร้อมกับพ่วงด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำสโมสร และติดทีมยอดเยี่ยมที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากการลงเล่นไปกว่า 50 นัด
เริ่มฤดูกาล 2011-2012 แมนซิตี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเขาจัดขาย คาร์ลอส เตเบซ พ้นออกจากทีมไป ก่อนที่จะแต่งตั้ง กอมปานี ขึ้นมาเป็นกัปตันทีมคนใหม่แทน โดยเกมแรกกับฤดูกาลใหม่ คือการพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2011 กับนัดชิงชนะเลิศคอมมูนิตี้ชิลด์ ก่อนที่จะพ่ายแพ้ไปด้วยผลสกอร์ 3 ประตูต่อ 2 แต่ฤดูเขาก็สามารถพาแมนซิตี้คว้าแชมป์ลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ของสโมสร
ต่อมาฤดูกาล 2012-2013 แมนซิตี้ไม่มีถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือเลยแม้แต่แชมป์เดียว พวกเขาทำได้เป็นเพียงรองแชมป์ลีก แถมในนัดชิงชนะเลิศถ้วย FA Cup พวกเขาสามารถทะลุไปถึงรอบสุดท้ายได้สำเร็จ ก่อนที่จะพบกับ วีแกน แอตเลนติก และพ่ายแพ้ไป 1-0 หลังจบฤดูกาล โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ถูกเด้งออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมทันที
เข้าสู่ฤดูกาลที่ 6 ของ กอมปานี กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับซีซั่น 2013-2014 เขาสามารถพา “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ได้ 2 แชมป์ในปีนี้ คือ พรีเมียร์ลีก และลีกคัพ อังกฤษ แถมพ่วงด้วยรางวัลทีมยอดเยี่ยม ประจำพรีเมียร์ลีก นับว่าเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จสุดๆ ของ กอมปานี เลยทีเดียว
นับตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2019 คือจุดเริ่มต้นความยากลำบากในอาชีพนักฟุตบอลของ กอมปานี มากที่สุด โดยเริ่มจากฤดูกาล 2014-2015 ซึ่งเข้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และเป็นอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดตลอดชีวิตการค้าแข้งนักฟุตบอลอาชีพของเขา วินนี่ลงเล่นไปเพียง 33 นัดเท่านั้น นับว่าเป็นฤดูกาลที่ลงเล่นให้กับแมนซิตี้น้อยที่สุดเป็นฤดูกาลที่ 2 รองลงมาจากฤดูกาล 2009-10 ที่ลงไป 32 นัด
กอมปานี กลับมาลงสนามได้อีกครั้งในฤดูกาล 2015-16 ช่วงเดือนธันวาคม ก่อนที่ในเดือนกุมภาพัน 2016 กับศึก ลีกคัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ เขาลงเล่นเป็นตัวจริงตลอด 120 นาที ก่อนที่จะเอาชนะลิเวอร์พูลคว้าถ้วยลีก คัพ ไปได้สำเร็จ พร้อมกับได้รางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ ในฤดูกาลนี้ แมนซิตี้ เกือบจะได้ทะลุเข้าชิงถ้วยยุโรปในศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หลังเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ถูก เรอัล มาดริด เขี่ยตกรอบเสียก่อน ฤดูกาลนี้กัปตันทีมคนเก่งลงเล่นไปเพียงแค่ 22 เกมเท่านั้น รวมถึงไม่มีชื่อติดทีมชาติ เบลเยี่ยม ไปลุยศึกยูโร 2016 อีกด้วย
กอมปานี กลับมามีชื่อติด 11 ตัวจริงอีกครั้งในเดือน ตุลาคม 2016 ก่อนที่จะบาดเจ็บซ้ำอีกครั้ง และนั้นก็คือการบาดเจ็บ ที่รวมกันแล้วกว่า 878 วัน ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม แมนซิตี้ ปี 2008 รวมแล้วเท่ากับว่า กอมปานี หายจากสนามไปกว่า 2 ปี หากนับตั้งแต่ที่เขาต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บรวมกันตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ทำให้ฤดูกาลแรกระหว่างเขากับเป๊ป กวาร์ดิโอลา (2016-17) เขาลงช่วยทีมไปเพียง 15 เกมเท่านั้น
ดูเหมือนสถิติการลงเล่นของ กอมปานี ลดน้อยลงเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเขามีปัญหาอย่างหนัก ส่งผลให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” เวลานั้นตัดสินใจหาตัวแทนของกัปตันทีมคนเก่ง ด้วยการคว้าตัว แอมริก ลาปอร์ต (Aymeric Laporte) ด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 57 ล้านปอนด์ ฤดูกาลดังกล่าว แมนซิตี้ สามารถคว้าแชมป์ลีก ด้วยการทำคะแนนมากที่สุดของประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ ลีก คือ 100 แต้มเต็ม ส่วน กอมปานี ลงช่วยทีมในลีกไป 17 นัด และรายการอื่นๆ รวมแล้ว 21 นัด
ทุกการเดินทางย่อมมีจุดจบเสมอ สำหรับ แวงซองต์ กอมปานี สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เปรียบเสมือบ้านหลังที่สองของเขา หลังจากที่เขาเดินทางมากับสโมสรรวมแล้วกว่า 11 ปี มันก็ถึงเวลาแยกย้าย หลังสภาพร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อการเล่นบนเกาะอังกฤษได้อีก หลังจบฤดูกาล 2018-19 แวงซองต์ กอมปานี ประกาศอำลาสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทันที ในคืนฉลองแชมป์สุดยิ่งใหญ่
ฤดูกาลสุดท้ายของเขากับแมนซิตี้ ต้องยอมรับว่าสมบูรณ์สุดๆ โดยเฉพาะลูกยิงดับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ วินนี่ ลากบอลขึ้นไปยิงไกลด้วยตัวเอง แถมยังเป็นเพียงประตูเดียวของเกม ส่งให้แมนซิตี้บุกเอาชนะเลสเตอร์ไป 1-0 ทำแต้มแซงนำจ่าฝูงลิเวอร์พูลคู่แข่งแย่งแชมป์ขนาดนั้นได้สำเร็จ ก่อนที่จะเข้าป้ายคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยคะแนน 98 แต้ม ที่สำคัญพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” จบซีซั่นนี้ได้อย่างเพอร์เฟค เนื่องจากเป็นทีมแรกของประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษ ที่สามารถกวาดทุกถ้วยแชมป์ของประเทศอังกฤษได้ คือ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ อังกฤษ นั่นเอง
กอมปานี ติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 17 ปี มีชื่อครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 โดยพบกับประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่ทางสมาคมเรียกเขาไปติดทีมอีกครั้งกับศึกการแข่งขันโอลิมปิกปี 2008
วันที่ 13 พฤษภาคม 2014 เป็นครั้งแรกของประเทศเบลเยี่ยมในรอบ 12 ปี ที่สามารถเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยเวลานั้นเบลเยี่ยมมีทีมที่สุดยอดมากๆ พวกเขาได้รับฉายา “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” โดยมีชื่อของ กอมปานี ลงช่วยทีมในการเอาชนะ แอลจีเรีย และผ่านเข้ารอบต่อไปนั่นเอง
ถ้ามาในศึกยุโร 2016 กอมปานี ไม่สามารถลงเล่นได้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บหนัก
การรับใช้ชาติครั้งสุดท้ายของ กอมปานี ก็มาถึง ปี 2018 หรือ FIFA World Cup ประเทศรัสเซีย เขาลงช่วยทีมทุกนัดพร้อมกับได้รับตำแหน่งกัปตันทีมตลอดทัวร์นาเม้น พวกเขาผ่านทั้ง ญี่ปุ่น บราซิล ก่อนที่จะไปแพ้ฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ และคว้าอันดับ 3 จากการคว่ำอังกฤษ ก่อนที่จะประกาศอำลาทีมชาติอย่างเป็นทางการ รวมแล้วลงช่วยทีมชาติไปกว่า 87 นัด ทำได้ 4 ประตู
แวงซองต์ กอมปานี ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหลังที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งของโลก ซึ่งเขามีร่างกายที่สูงใหญ่มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง ที่ทักษะในการเอาชนะลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยม นอกจากความสูงใหญ่แล้ว ยอดกัปตันทีมรายนี้ยังมีความคล่องตัวที่สูงมาก มีความสามารถด้านการครองบอลและจ่ายบอลที่กว้างไกล ที่สำคัญมี กอมปานี มีการยืนตำแหน่งและคาดเดาเหตุการณ์การเคลื่อนที่ของคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมสุดๆ
Belgian First Division แชมป์ลีกสูงสุดเบลเยี่ยม : 2003-04, 2005-06
Premier League แชมป์พรีเมียร์ลีก : 2011-12, 2013-14, 2017-18, 2018-19
FA Cup เอฟเอ คัพ : 2010-11, 2018-19 / รองชนะเลิศ : 2012-13
EFL Cup ลีกคัพ อังกฤษ : 2013-14, 2015-16, 2017-18, 2018-19
FA Community Shield คอมมูนิตี้ ชิลด์ : 2012, 2018
FIFA World Cup ฟุตบอลโลก อันดับ 3 : 2018
Belgian Golden Shoe : 2004
Belgian Young Professional Footballer of the Year : 2004, 2005
Belgian Ebony Shoe : 2004, 2005
Manchester City Player’s Player of the Year : 2010–11
Manchester City Official Supporter’s Player of the Year : 2010–11
Premier League Player of the Season : 2011–12
PFA Team of the Year : 2010-11, 2011-12, 2013-14
ESM Team of the Year : 2011–12
FIFA FIFPro World XI 3rd team : 2013, 2014
FIFA FIFPro World XI 4th team : 2015
BBC Goal of the Season : 2018–19
เจก พีค็อก นักชกมวยไทยที่กำลังน่าจับตามองในเวลานี้ ด้วยร่างกายที่มี แขนเดียว กับ แขนครึ่งท่อน ทำให้หลายคนมองว่าเขาน่าจะเสียเปรียบคู่ต่อสู้แน่ แต่ที่ไหนได้เขามีจังหวะการเข้าต่อยดี สามารถปล่อยอาวุธออกมาได้สวยงาม...[...]
กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย นักมวยไทยที่มีท่าไม้ตายพร้อมจัดการคู่ต่อสู้ด้วยท่าไม้ตาย ซ้ายอุกกาบาต ฉายานี้เท่มาก เพราะเจ้าตัวมีพลังหมัดซ้ายรุนแรงจนทำให้คู่ต่อสู้ที่โดนตัดลำตัวหน้าทองต้องทรุดน็อกแทบทุกราย...[...]
Jayden danns (เจย์เดน อเล็กซานเดอร์ แดนส์) เด็กหนุ่มดาวรุ่งหัวฟูแห่งยอดทีม ลิเวอร์พูล กำลังฉายแววความเก่งของตัวเองให้คนทั่งโลกได้เห็นฟอร์มการเล่นของเขามากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดสามารถลงสำรองไปเอาชนะยอดทีม เชลซี ลงได้สำเร็จในรายการ คาราบาวคัพ...[...]
Jonathan haggerty (โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี) นักกีฬามวยไทย จากประเทศอังกฤษ โดยตัวเขากำลังได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก ด้วยฝีมือการต่อยฝึกซ้อมมวยมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขายังรักวิชามวยไทยมากด้วย โดยในตอนนี้เขาเป็นนักกีฬา One Championship เนื้อหอมมากที่สุด...[...]
สมิงดำ ลูกสวน นักมวยไทย ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งเวที ONE ลุมพินี ที่มีการต่อยดุดัน กล้าแลกหมัดคู่ต่อสู้ได้อย่างสนุก แถมเขายังฐานแฟนคลับมากยิ่งขึ้นในไทย ทำให้เวลานี้ สมิงดำ มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย...[...]
©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.