ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือ ราฮีม ชาควิลล์ สเตอรลิง เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1994 เขาเกิดและเติบโตขึ้นในเมืองคิงส์ตัน ในประเทศจาไมกา ด้วยการอาศัยอยู่กับคุณย่า ก่อนที่จะย้ายอพยพเข้ามาอยู่ในกรุงลอนดอน ในประเทศอังกฤษ ตอนอายุ 5 ขวบ โดย สเตอรลิง ได้เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งด้วยการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนกับทางสโมสร ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส เขาใช้เวลาฝึกฝนฝีเท้าของตัวเองอยู่เป็นระยะเวลา 4 ปี เขาก็ได้มีโอกาสในการลงสนามให้กับทีมสำรองของสโมสร ก่อนที่จะเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไกลไปถึงประเทศจาไมกา ประเทศบ้านเกิดของเขานั่นเอง ด้วยความไวและทักษะที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกอย่าง ลิเวอร์พูล ไม่รอช้ารีบจัดการคว้าตัว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทันที
สเตอร์ลิ่ง ตัดสินใจย้ายมาเล่นอยู่ในทีมเยาวชนของลิเวอร์พูล เพราะต้องการที่จะพัฒนาฝีเท้า
หลังจากที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เริ่มมีชื่อเสียงและเป็นข่าวดังไปไกลถึงประเทศจาไมกา ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล รีบทำการกระชากตัวดาวรุ่งความเร็วสูงวัน 16 ปี รายนี้เข้าสู่สโมสรทันที ด้วยค่าตัว 600,000 ปอนด์ หรือประมาณ 30 ล้านบาท โดยในซีซั่นแรกที่ได้ย้ายเข้ามาอยู่กับทัพหงส์แดง สเตอร์ลิ่ง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ้อมและพัฒนาฝีเท้าอย่างหนัก จนกระทั่งในฤดูกาล 2011/2012 เจ้าตัวสามารถพัฒนาฝีเท้าและความแข็งแกร่งให้มีความจัดจ้านยิ่งขึ้น จนกระทั่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ร่วมเห็นแววในตัวของเขาจึงได้ตัดสินใจผลักดันให้เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร ลิเวอร์พูล
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ลงประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสร ลิเวอร์พูล ด้วยการถูกเปลี่ยนลงไปเป็นตัวสำรองในเกมการแข่งขันที่ ลิเวอร์พูล พบกับ สโมสร วีแกน แอธเลติก ที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวมีอายุเพียง 17 ปี กับอีก 107 วัน ต่อมาเจ้าตัวได้มีโอกาสได้ลงเล่นเป็นเกมนัดที่ 2 ด้วยการถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในเกมการแข่งขันที่ ลิเวอร์พูล พบกับ ฟูแล่ม โดยในเกมนัดดังกล่าว เขาได้มีส่วนร่วมในเกมรุกของทีมมากยิ่งขึ้น จนสามารถช่วยให้สโมสรเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 0-1 จากเกมการแข่งขันนัดล่าสุดที่ สเตอร์ลิ่ง เริ่มโชว์ผลงานด้วยการมีส่วนร่วมกับเกมบุกของทีม จนสามารถช่วยให้สโมสรกับชัยชนะเหนือสโมสร ฟูแล่ม ไปได้ ทำให้ผู้จัดการทีมเริ่มที่จะให้โอการในการลงสนามในเกมใหญ่ๆ มากยิ่งขึ้น จนในเกมนัดที่ 3 เขาได้ถูกส่งเปลี่ยนตัวลงมาเพื่อหาประสบการณ์และเสริมแนวรุกของทีม ก่อนที่สโมสรจะไล่ถล่มเอาชนะ เชลซี ไปได้ถึง 4-1 ซึ่งจากผลงานในฤดูกาลแรกที่ก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ได้รับคำชมและเริ่มเป็นที่รักของแฟนบอลเป็นจำนวนมากแล้ว
ในปี 2013 เขาได้รับการขยายสัญญาออกไป และเริ่มก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ จากการผลักดันจากรุ่นพี่ภายในทีมอย่างกัปตันตลอดกาลของสโมสรอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ หลุยส์ ซัวเรซ ทำให้ในเวลานักสโมสรลิเวอร์พูลถือได้ว่าเป็นทีมที่มีเกมรุกที่รวดเร็วและดุดันเป็นอย่างมาก ก่อนที่ทางสโมสรจะทำการปล่อยตัว 2 แข้งดังที่ทำการสนับสนุนเขามาตลอดออกจากทีม ทำให้เจ้าตัวเริ่มหมดความท้าทายกับทางสโมสร ทำให้ในปี 2015 สเตอร์ลิ่ง ได้ทำการขอขึ้นบัญชีขาย เพื่อขอย้ายออกจากสโมสร เพราะต้องการที่จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเพื่อไปทำการแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ Euro 2016 ทำให้ทางสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่รอช้ารีบคว้าตัวเขามาร่วมทีมในทันที
สเตอร์ลิง ได้ย้ายเข้ามาอยู่กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก
หลังจากที่ตกเป็นข่าวกับทางสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาอย่างยาวนาน และความต้องการที่เจ้าตัวใฝ่ฝันมาตลอด ที่ต้องการจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ ประกอบกับต้องการที่จะมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเพื่อไปลุยศึก Euro 2016 ทำให้ในเดือน กรกฎาคม 2015 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ตัดสินใจเข้าแจ้งขอย้ายสโมสรกับทาง เบรนดัน ร็อดเจอส์ ผู้จัดการทีมในเวลานั้นทันที ทำให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน สเตอร์ลิง ก็ได้ย้ายเข้ามาสู่สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวสูงถึง 49 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2.45 พันล้านบาท โดยเจ้าตัวได้รับสัญญานานไปถึง 5 ปี ซึ่งมูลค่าค่าตัวสูงขนาดนี้ทำให้บอร์ดบริหารทางสโมสรลิเวอร์เป็นการซื้อ-ขายนักเตะที่คุ้มค่ากับทางสโมสรเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง ยังได้ทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุไม่เกิน 21 ปี ที่มีค่าตัวแพงที่สุด พร้อมทั้งเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร และยังพ่วงไปถึงสถิตินักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในอันดับที่ 13 และยังเป็นนักเตะนักที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 บนเวที พรีเมียร์ลีก อีกด้วย
หลังจาก สเตอร์ลิง ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาก็ได้ถูกส่งลงสู่สนามในทันทีเมื่อการเปิดฤดูกาลเริ่มขึ้น โดยในเกมนัดดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวกับสโมสรใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเขาเป็นคนทำประตูแรกให้กับทีมได้สำเร็จก่อนที่ทีมจะเอาชนะ สโมสร วัตฟอร์ด ไปได้ถึง 3-0 ซึ่งทำให้แฟนบอลเริ่มหมดข้อสงสัยในเรื่องของความคุ้มค่าในราคาค่าตัวที่สโมสรได้เสียไปในทันที หลังจากนั้นไม่นาน ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ได้ระเบิดฟอร์มให้แฟนบอลได้เฮกันอีกครั้งเมื่อเขาสามารถพาทีมเอาชนะสโมสร บอร์นมัธ ได้สำเร็จ 5-1 ซึ่งในเกมการแข่งขันนัดดังกล่าวนี้ เจ้าตัวสามารถทำแฮตทริกแรกให้กับตัวเองในชีวิตการค้าแข้งได้อีกด้วย หลังจากนั้น ราฮีม สเตอร์ลิง ได้เดินหน้าทำผลได้ดีอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรได้ในซีซั่นแรก และจบได้เพียงแค่ในอันดับที่ 4 ของตารางการแข่งขันเพียงเท่านั้น
จนกระทั่งการเข้ามาคุมทีมของกุนซือสมองเพชรอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และได้ปรับเปลี่ยนระบบการเล่นภายในทีมให้มีรูปแบบที่สวยงามและดุดันมากยิ่งขึ้น ซึ่ง ราฮีม สเตอร์ลิง ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่กุนซือรายนี้ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนทัศนะคติในการเล่น ทำให้เขาสามารถทำประตูได้อย่างมากมายและกลายเป็นนักเตะยอดเยี่ยม จนสามารถพาสโมสรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ 2 สมัยติดต่อกันสำเร็จ ทำให้ชื่อของปีกตัวจี๊ดรายนี้ติดทีมชาติอังกฤษไปสู้ศึกฟุตบอลโลกได้สำเร็จ
ด้วยความเก่งกาจ และยังมีความเร็วที่หาตัวจับยาก เขาจึงสามารถขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมชาติได้แบบไม่มีใครสงสัย
สเตอร์ลิง มีชื่อติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในการนัดอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2012 ที่พบกับ ทีมชาติ สวีเดน แต่ในเกมนัดดังกล่าวเจ้าตัวยังคงทำได้แค่นั่งดูอยู่ที่ม้านั่งสำรองเพียงเท่านั้น จนกระทั่งได้มีโอกาสกลับมาติดทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในเกมที่ทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งในครั้งนี้เขาได้มีโอกาสได้สัมผัสเกมและสามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาจนช่วยให้ทีมชาติอังกฤษเอาชนะไปได้ 1-0 ที่สนามเวมบลีย์
ต่อมาในปี 2014 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ถูกเรียกตัวเข้าติดทีมชาติอังกฤษ ในชุด 23 คน ลุยศึก ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ทีมชาติอังกฤษ ได้อยู่ร่วมกลุ่ม D ร่วมกับ คอสตาริกา, อิตาลี, และอุรุกวัย โดยเขาได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในเกมที่พบกับทีมชาติอิตาลี แต่ก็ต้องแพ้ให้กับทีมร่วมทวีปไป 2-1 และต้องตกรอบแรก ในอันดับสุดท้ายของกลุ่ม D และยังเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปีที่ทีมชาติอังกฤษตกรอบแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก
จนกระทั่งในปี 2016 ได้กลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง ในการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ Euro 2016 โดยในการแข่งขันรายการดังกล่าว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมทันที และยังสามารถช่วยให้ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม ได้สำเร็จ ก่อนที่จะถูกหยุดไว้เพียงแค่รอบนี้จากการพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติ ไอซ์แลนด์ 2-1
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ราฮีม สเตอร์ลิง ก็กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษในทุกรายการการแข่งขันในทันที จนสามารถพาทีมชาติอังกฤษเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกในปี 2018 ได้อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้จัดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย ทำให้ทีมชาติอังกฤษสามารถทำการปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้อย่างง่ายดาย และยังประกอบไปด้วยตัวผู้เล่นที่ทางด้าน แกเร็ท เซาท์เกต ผู้จัดการทีมได้เรียกเข้ามาติดทีมชาติในครั้งนี้ ล้วนแต่มีความกระหายในชัยชนะและอยากที่จะก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์โลกให้ได้ ทำให้พวกเขาสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ด้วยความทีค่เป็นนักเตะหน้าใหม่ที่มีอายุน้อย จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถทนแรงกดดันและจบไว้เพียงแค่รอบรองชนะเลิศ และแพ้ให้กับทีมชาติเบลเยี่ยมในรอบชิงที่ 3 ไปด้วยสกอร์ 3-0
สเตอร์ลิง สามารถคว้าแชมป์ร่วมกับทัพเรือใบสีฟ้าได้ถึง 2 สมัยติด
Premier League: 2017–2018, 2018–2019
FA Cup: 2018–2019
Football League/EFL Cup: 2015–2016, 2018–2019
FA Community Shield: 2019
Liverpool Young Player of the Season: 2013–2014, 2014–2015
Golden Boy: 2014
UEFA Champions League Team of the Group Stage: 2015–2016
UEFA Champions League Squad of the Season: 2018–2019
Premier League Player of the Month: August 2016, November 2018
British Ethnic Diversity Sports Awards (Sportsman of the Year): 2019
Premier League Team of the Year: 2018–2019
PFA Young Player of the Year: 2018–2019
FWA Footballer of the Year: 2018–2019
โฟลรีอาน เวียทซ์ (Florian Wirt) กองกลางทีมชาติเยอรมันผู้เป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ช่วยให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (Bayer Leverkusen) สามารถคว้าแชมป์ บุนเดสลิกา สมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้สำเร็จเมื่อซีซัน 2023/24 อีกทั้งผลงานในฤดูกาลปัจจุบัน (2024/25)...[...]
มาติส ไรอัน แชร์กี (Mathis Rayan Cherki) กองหน้าเลือดน้ำหอมของ โอลิมปิก ลียง (Olympique Lyonnais) ทีมดังแห่งศึก ลีกเอิง ฝรั่งเศส เขาถือเป็นกำลังสำคัญของทีมในฤดูกาล 2024/25 ที่ผ่านมา แม้ผลงานของ ลียง ในฤดูกาลที่ผ่านมาจะไม่ค่อยดีนัก จบแค่อันดับ 6 ของตารางคะแนน...[...]
เจเรมี่ ฟริมปง (Jeremie Frimpong) แบ็กขวาดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ แข้งใหม่ป้ายแดงที่ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุดเพิ่งจัดการเซ็นสัญญาคว้าตัวมาร่วมทีมจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (Bayer Leverkusen) แบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา...[...]
เธียร์โน แบร์รี่ (Thierno Barry) กองหน้าดาวรุ่งวัย 22 ปี ที่เพิ่งย้ายจาก บาเซิล (Basel) มาค้าแข้งกับ บียาร์เรอัล (Villarreal) ในศึก ลา ลิกา สเปน เมื่อฤดูกาล 2024/25 ที่ผ่านมา แม้เขาจะยังไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม...[...]
โดมินิก โซบอสซ์ไล (Dominik Szoboszla) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหากขาดแดนกลางหมายเลข 8 คนนี้ไป “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อาจไม่ได้นำโด่งอยู่หัวตาราง ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ก็เป็นได้ และถึงแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะทุ่มเงินกว่า 70 ล้านยูโร คว้าตัวเขามาร่วมทีม...[...]
©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.