เปาโล บรูโน เอกเซกิเอล ดีบาลา เกิดเมี่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1993 ที่เมืองกอร์โดบา ประเทศอาเจนตินา สัญชาติอาเจนตินาและโปแลนด์ เนื่องจากปู่ของเขา โบเลสลาฟ ดีบาลา ได้ย้ายจากถิ่นฐานบ้านเกิดจากเมือง กรัชญุฟ ในประเทศโปแลนด์ มาปักหลักอยู่ที่ประเทศอาเจนตินาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ ครอบครัวของ ดีบาลา นั้น ยังมีเชื้อสายอิตาเลียนซึ่งได้มาจากคุณย่าของเขาที่มีนามสกุลว่า ดา เมสซ่า โดยก่อนหน้านี้คุณย่าของเขาได้อาศัยอยู่ที่เมืองเนเปิลส์ ในประเทศอิตาลี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ประเทศอาเจนตินาพร้อมกับคุณปู่ของเขา

เส้นทางวัยเยาว์สู่ประเทศอิตาลี

ดีบาลา ได้ติดทีมชุดใหญ่ของสโมสรอินสติตูโต้ ตั้งแต่เขามีอายุเพียง 17 ปี

เปาโล ดีบาลา มีพี่ – น้อง อยู่ 3 คน โดยเจ้าตัวเป็นน้องคนสุดท้อง คุณพ่อของเขา อดอฟโฟ มีความฝันที่จะหมายมั่นให้ลูกของเขาทั้ง 3 คน เป็นนักฟุตบอลอย่างที่เขาตั้งใจไว้ แต่ทว่าลูกชายคนโตอย่าง กุสตาโว่ และ มาริอาโน่ ไม่มีใครได้เป็นนักฟุตบอลตามอย่างที่ผู้เป็นพ่อได้ฝันเอาไว้

โดยพี่ชายคนโตไม่ประสบความสำเร็จกับเส้นทางลูกหนังส่วนพี่ชายคนรองนั้น ถือได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์กว่าใครเลยทีเดียว แต่ติดที่ว่าเขาเป็นโรคโฮมซิค ที่มักจะคิดถึงบ้านอยู่บ่อยๆ และไม่ชอบไปไหนที่ไกลจากครอบครัว

ดีบาลาในวัย 8 ขวบ ได้เข้าร่วมกับทีมอคาดามี่ นิเวลส์ โอลด์ บอย ทีมดังในประเทศอาร์เจนติน่า โดยคุณพ่อของเขาจะขับรถไป รับ–ส่ง ที่สนามซ้อมทุกวัน เมื่อ ดีบาลา เข้าสู่วัยรุ่น ทีมใหญ่ในบ้านเกิดอย่าง อิน สติตูโต้ ได้ให้ความสนใจและได้ดึงตัวเขาเข้าไปอยู่กับทีมในเวลานั้น แต่ด้วยระยะทางจากบ้านของเขาที่จะเดินทางมาสนามซ้อมนั้นห่างกันถึง 4 ชั่วโมง ทำให้เจ้าตัวต้องย้ายมาอยู่ที่หอพักคนเดียว

ซึ่งในตอนนั้น ดีบาลา มีอายุเพียง 15 ปี และเป็นเวลาเดียวกันกับเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา เมื่อ อดอฟโฟ คุณพ่อของเขาได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งและได้จากไปในเวลาต่อมา ด้วยความเขาต้องอยู่ห่างจากครอบครัวและความเสียใจที่คุณพ่อจากไป สิ่งที่เขาทำเป็นประจำหลังจากฝึกซ้อมเสร็จคือขังตัวเองแล้วร้องไห้อยู่ในห้องน้ำคนเดียว นับเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดของเขาเป็นอย่างมาก

เปาโล ดีบาลา กับ คุณแม่ที่เขารักเป็นอย่างมาก

แต่ด้วยจิตใจอันเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้ของเขา ในวัย 17 ปี เขาได้กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถทำประตูให้กับทีมชุดใหญ่ได้ โดยเขาได้ทำลายสถิติของ มาริโอ เคมเปส จนกระทั่งในปี 2012 ดีบาลา ได้ย้ายไปร่วมทีมดังในประเทศอิตาลี อย่าง ปาแลร์โม่ ด้วยค่าตัว 11.8 ล้านยูโร (ประมาณ 450 ล้านบาท) ด้วยเวลาไม่นาน เขาได้รับฉายาว่า “ลา โฮย่า” หรืออัญมณี

โดยการย้ายมาอยู่กับปาแลร์โม่ของเขา ทำให้ทุกคนลงความเห็นว่าเขาคือ “นิว กุน อเกวโร่” แต่เมื่อเขาได้พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ เขาจึงถูกติดป้ายจากประธานสโมสรอย่าง เมาริซิโอ ซามปารินี่ ว่าคือ “นิว ลีโอเนล เมสซี่” แต่ก็ยังเป็นที่คับข้องใจและสงสัยของใครหลายๆ คน ถึงฝีเท้าของเขาว่าอาจจะเป็นแค่ราคาคุยของประธานสโมสรเท่านั้น

นิว กุน อเกวโร่ แห่งปาแลร์โม่

เปาโล ดีบาลา ในยุคที่เขากำลังเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมปาแลร์โม่ และช่วยให้ทีมปาแลร์โม่เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด

เมาริซิโอ ซามปารินี่ ประธานสโมสรจอมบ้าน้ำลายของทีมปาแลร์โม่ ได้ทำการประกาศถึงการกระชากตัว เปาโล ดีบาลา มาร่วมาทีมของเขา เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2012 ด้วยค่าตัว 11.8 ล้านยูโร (ประมาณ 450 ล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “ณ. เวลานี้ เราได้ตัว เปาโล ดีบาลา หรือ กุน อเกวโร่ คนใหม่มาร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว”

ในช่วงเวลาต่อมาของวันเดียวกัน โฮเซ่ โตซ์ เลขานุการของสโมสร อิน สติตูโต้ ได้ออกมาเผยว่า “คนที่เข้าเจรจาดีลระหว่าง ดีบาลา กับ ปาแลร์โม่ นั้น ไม่มีอำนาจพอที่จะขายดีบาลาให้กับใครทั้งนั้น” จึงเป็นสงสัยของบรรดาสื่อมวลชนมากมาย

แต่ทว่าในเวลาต่อมา วันที่ 20 กรกฏาคม 2012 ทางสโมสรปาแลร์โม่ก็ได้ทำการแถลงข่ายยืนยันถึงการเซ็นสัญญาระหว่างดีบาลากับสโมสร เป็นระยะเวลา 4 ปี และได้ลงประเดิมสนามนัดแรกให้กับทีมในศึกเซเรีย อา ในเกมที่พบกับ ลาซิโอ และสามารถทำประตูที่หนึ่งและสองได้ในลีกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2012 ในเกมที่ปาแลร์โม่เปิดบ้านเอาชนะซามพ์โดเรียไปได้ 2–0

เปาโล ดีบาลา สมัยที่เล่นให้กับทีม ปาแลร์โม่ โดยที่เขาได้รับฉายาจากแฟนบอลว่าเป็น นิว กุน อเกวโร่

ในฤดูกาล 2014–2015 ดีบาลา ได้ระเบิดฟอร์มของตัวเองตั้งแต่ครึ่งฤดูการแรก โดยเขาซัดไปถึง 10 ประตู และยังจับคู่สร้างผลงานกับกองหน้าลูกครึ่งอิตาเลี่ยน–อาเจนไตน์ อย่าง ฟรังโก้ วาซเกซ ได้สุดน่ากลัว และในเวลาเดียวกัน จากผลงานที่น่าประทับใจของเขาก็ได้ไปสะดุดตาเข้ากับบรรดาสโมสรฟุตบอลระดับท็อปของยุโรป จบซีซั่น เปาโล ดีบาลา ทำประตูไปได้ทั้งสิ้น 13 ประตู และอีก 10 แอสซิสต์ เขายังเป็นหนึ่งในผู้ทำแอสซิสต์สูงสุดของสโมสรอีกด้วย

พบเครือญาติในยุโรปครั้งแรก

ดีบาลาได้ทำการสืบประวัติของคุณปู่ที่เป็นชาวโปรแลนด์ และได้พบเครือญาติ

ในปีแรกของเขากับปาแลร์โม่ ดีบาลาต้องการที่จะได้พาสปอร์ตในกลุ่มอียูเพื่อไม่ให้ทีมเสียโควต้าแข็งนอกสหภาพยุโรป เขาได้ทำการสืบประวัติของคุณปู่ที่เป็นชาวโปรแลนด์ แต่ก็ไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด ก่อนที่เวลาต่อมาเขาจะได้รับพาสปอร์ตอิตาเลี่ยนมาแทน เขาใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้เป็นที่รู้จักและขยายวงกว้างพร้อมกับมีข่าวลือกับทีมยักษ์ใหญ่ต่างดาวอย่าง บาร์เซโลน่า ที่ต้องการดึงตัวของเขาไปร่วมทัพ

แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ และในเวลาต่อมา ดีบาลา ก็ได้พบเครือญาติของเขาที่ประเทศโปรแลนด์ โดยการช่วยเหลือจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำการวีดีโอคอลสนทนากันผ่านล่าม

ชีวิตใหม่ในฝูงม้าลาย

ดีบาลาประกาศย้ายทีมจากปาแลร์โม่มาร่วมทีมยูเวนตุส โดยเลือกที่จะสวมเสื้อหมายเลย 21

จบฤดูกาล 2014–2015 ดีบาลาได้ระเบิดฟอร์มเก่งออกมาด้วยการพังประตูได้ทั้งหมด 13 ประตู และอีก 10 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 35 นัด ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ เซเรีย อา ในฤดูกาลนั้น จากการทำประตูให้กับปาแลร์โม่ทั้งหมด 36 ประตู ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม ทำให้ไม่มีใครสงสัยถึงความ แม่นยำ จัดจ้าน และสร้างสรรค์เกมของ ผู้ชายคนนี้ได้อีก

หลังจบฤดูกาล 2014–2015 ดีบาลากลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมและเป็นที่ต้องการของหลายๆ สโมสรมากมายเลยที่เดียว จนกระทั่งใน วันที่ 4 มิถุนายน 2015 สโมสรยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึก เซเรีย อา ได้ประกาศถึงการคว้าตัว เปาโล ดีบาลา มาร่วมทีม กับการเซ็นสัญญา 5 ปี ด้วยค่าตัว 32 ล้านยูโร (บอกเพิ่มเติมอีก 8 ล้านยูโร) พร้อมได้รับเสื้อหมายเลข 21 ซึ่งเป็นเบอร์เก่าของ อันเดรีย ปิร์โล่ ที่เพิ่งย้ายไปร่วมทีมในเมเจอร์ลีกอย่างทีม นิวยอร์ก ซิตี้ โดย ดีบาลา ได้ให้เหตุผลถึงการเลือกที่จะสวมใส่เสื้อหมายเลข 21 เพราะนั่นคืออายุของเขาในช่วงเวลานั้น

ดีบาลาได้เปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข10 เนื่องจากต้องการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของสโมสร

อีกทั้งยังเป็นเบอร์ที่สองตำนานอย่าง ซีเนดีน ซีดาน และ อันเดรีย ปิร์โล่ ได้เคยสวมใส่มาก่อน จึงทำให้เจ้าตัวมีความต้องการที่จะเจริญรอยตามและประสบความสำเร็จเหมือนสองแข้งตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสร โดยในฤดูการนั้น ดีบาลา ในวัย 21 ปี โดยเกมนัดแรกที่ได้ลงประเดิมสนามในเสื้อสีขาว–ดำ นัดแรกในวันที่ 8 สิงหาคม 2015 โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวกับ คิงสลีย์ โกม็อง ในเกมซุปเปอร์โคปา อิตาเลียน่า ที่ยูเวนตุสพบกับลาซิโอ ในนาทีที่ 61

ดีบาลาสามารถทำประตูในศึกยูฟ่า แชมป์เปี่ยน ลีก ได้

ต่อมาในวันที่ 30 สิงหาคม 2015 เขาได้ลงเล่นเป็นนัดที่สองในเกมลีกที่ยูเวนตุสพบกับโรม่า และเขายังสามารถทำประตูได้ลูกแรกในสีเสื้อของยูเวนตุส โดยประตูนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 87 ช่วยให้ทีมเอาชนะโรม่าไปได้ 2–1 ต่อมาเขาสามารถประตูแรกในศึกโคปา อิตาเลีย ได้ในเกมที่ยูเวนตุสสามารถเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่างทีมโตริโน่ 4–0 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2015 นับว่าเป็นซีซั่นแรกของการย้ายมาร่วมทีมยักษ์ใหญ่ที่มีซุปเปอร์สตาร์ดาวดังเต็มทีม แต่เขาก็สามารถปรับเข้าเพื่อนร่วมทีมและทำผลงานในสนามออกมาได้เป็นอย่างดี จบซีซั่น 2015–2016 ดีบาลาสามารถพังประตูไปได้ทั้งหมด 19 ประตู จากการลงเล่น 34 นัดด้วยกัน

การเลือกเล่นทีมชาติ

ดีบาลากับการเล่นทีมชาติครั้งแรกของเขา

ด้วยความที่เขาเป็นคนสองสัญชาติ เขาจึงสามารถที่จะเลือกรับใช้ได้อีก 2 ชาติ นอกจากทีมชาติอาร์เจนติน่าประเทศบ้านเกิด ซึ่งก็คือประเทศอิตาลีและโปรแลนด์ แต่ด้วยความผูกพันและความฝันในวัยเด็กที่ต้องการจะเล่นให้กับชาติอาร์เจนติน่ามาโดยตลอด จึงทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากนักกับการตัดสินใจรับใช้ทีมชาติอาร์เจนติน่า แต่ถึงแม้เจ้าตัวจะเลือกรับใช้ทีมชาติอาร์เจนติน่าก็ตาม แต่ ดีบาลา นั้นก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเครือญาติและประเทศบ้านเกิดของคุณปู่ซึ่งเปรียบได้กับสายเลือดของเขานั่นเอง

เกียรติประวัติกับทีมชาติ

ดีบาลาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอาร์เจนติน่าครั้งแรกในชุดยู–17 เพื่อลงแข่งขันในรายการ XVI แพน อเมริกัน เกมส์ แต่สุดท้ายแล้ว เขากลับไม่ได้มีส่วนร่วมกับการแข่งขันรายการดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ 19 กรกฏาคม 2012 เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดยู–20 เป็นครั้งแรก แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธคำเชิญนั้นไป

ดีบาลาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

และในวันที่ 22 กันยายน 2015 เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ด้วยการคุมทีมของ เคราโด้ มาร์ติโน่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงจากรุ่นพี่ในทีมได้ จนในเกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ที่อาร์เจนติน่าพบกับปารากวัย ในวันที่ 13 ตุลาคม 2015 เขาได้ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทน คาลอส เตเบส ในนาทีที่ 75 และเนื่องจากเมื่อฤดูกาล 2017–2018 เจ้าตัวได้ทำผลงานกับต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการทำประตูไปทั้งสิ้น 22 ประตู และยังพาทีมคว้าแชมป์ลีกและแชมป์โคปาอิตาเลีย

นอกจากนั้นเขายังมีส่วนพาทีมยูเวนตุสเขาถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนลีก จึงทำให้ ฮอร์เก้ ซามเปาลี ผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนติน่า ตัดสินใจเรียกตัว เปาโล ดีบาลา เข้ามาเป็นหนึ่งขุมกำลังกับทัพฟ้าขาว ที่จะไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย  แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงจากการคุมทีมของ ฮอร์เก้ ซามเปาลี ได้ เนื่องจากทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดนี้ยังมีซุปเปอร์สตาร์อีกหลายคนที่ยังมีศักยภาพเต็มเปี่ยมที่ ฮอร์เก้ ซามเปาลี ให้ความไว้วางใจมากกว่าเขา

สุดท้ายแล้วทีมชาติอาร์เจนติน่าก็ต้องหยุดอยู่แค่รอบ 16 ทีม หลังต้องพ่ายให้กับทีมชาติ ฝรั่งเศส 4–3 ซึ่งต่อมาทีมชาติฝรั่งเศสก็ได้คว้าแชมป์และเป็นเจ้าแห่งลูกหนังของโลกในเวลาต่อมา

สานต่อตำนานบทใหม่ เบอร์ 10 คนต่อไป

หลังจากที่ เปาโล ดีบาลา ได้ย้ายเข้ามาสู่สีเสื้อของสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ลูกหนังมากมายอย่าง ยูเวนตุส เมื่อปี 2015 แล้ว เขาได้หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างผลงานเพื่อขึ้นแท่นสู่ระดับตำนาน โดยเลือกที่จะสวมใส่เสื้อหมายเลขเดียวกับแข้งระดับตำนานอย่างหมายเลข 21 ที่ ซีเนดีน ซีดาน และ อันเดรีย ปิร์โล่ ได้เคยสวมใส่ครั้งที่ยังเล่นให้กับสโมสรยูเวนตุส

แต่ยังมีตำนานอีกหนึ่งบทที่แฟนบอล “ม้าลาย” ทราบกันเป็นอย่างดี เกี่ยวกับตำนานหมายเลข 10 ที่มักจะมีสตาร์ระดับเทพของทีมรับช่วงต่อกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น โอมาร์ ซิวอรี, เลียม เบรดี, มิเชล พลาตินี, โรแบร์โต บาจโจ, และอเลสซานโดร เดล ปิเอโร ก็เคยได้สวมใส่เสื้อหมายเลข 10 รับใช้สโมสรนี้กันมาแล้วทั้งนั้น

หลังจากที่ พอล ป็อกบา กองกลางชาวฝรั่งเศสได้ตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นให้กับ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2016 จึงทำให้เบอร์ 10 ของทัพม้าลายนั้นว่างลงทันที ซึ่งสื่อในแดนมะกะโรนีได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้กันเป็นอย่างมาก

พร้อมทั้งคาดการว่า เบอร์ 10 ที่ว่างอยู่นั้นน่าจะตกเป็นของ เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี ที่เพิ่งยย้ายมาจาก ฟิออเรนตินา คู่ปรับร่วมลีก แต่สุดท้ายแล้ว เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี ได้เลือกหมายเลข 33 โดยให้เหตุผลว่า เขายังไม่พร้อมที่จะรับแรงกดดันหรือถูกนำไปเปรียบเทียบกับบรรดาแข้งระกับตำนานรายอื่นๆ

จนกระทั่ง วันที่ 9 สิงหาคม 2017 ทางสโมสรยูเวนตุส ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า เปาโล ดีบาลา กองหน้าตัวเก่งของทีม ได้เปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 10 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ ดีบาลา ที่มีต่อสโมสร หลังจากที่มีข่าวเจ้าตัวได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในสเปนอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า

ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวได้ออกมายอมรับว่า การสวมหมายเลข 10 ทำให้เจ้าตัวมีความมั่นใจและพร้อมที่พังประตูทุกสโมสรที่ได้พบ เปรียบเสมือนเบอร์ 10 ที่ได้สวมใส่นี้คือสิ่งนำโชคของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ความรักหลังความผิดหวัง

มีหลายคนมักจะพูดอยู่เสมอว่า “ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ” ประโยคนี้ก็สามารถที่จะใช้กับ เปาโล ดีบาลาได้เช่นกัน เพราะหลังจากที่เขาผิดหวังจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย แต่ทว่าเรื่องราวความรักของเขานั้น มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เนื่องจาก ดีบาลา เพิ่งจะแสดงความชัดเจนว่าเป็นเจ้าของหัวใจของซุปเปอร์โมเดลหุ่นเซ็กซี่ทีมีนามว่า โอริเอน่า ซาบาตินี่ ซึ่งเธอผู้นี้นอกจากจะเป็นนางแบบดาวรุ่งที่น่าจับตาแล้วยังมีศักดิ์เป็นหลานสาวแท้ๆ ของ อดีตนักเทนนิสหญิงชาวอาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์ยูเอส โอเพ่น เมื่อปี 1990 อย่าง กาบริเอล่า ซาบาตินี่ อีกด้วย

ดีบาลากับแฟนสาว ที่เพิ่งเปิดตัวว่าคบหาดูใจกัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทั้งคู่นี้ออกมาเปิดเผยอย่างชัดเจนว่ากำลังคบหาดูใจกับมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พร้อมทั้งได้โพสต์รูปตัวการ์ตูน ชาย – หญิง กันคนละครึ่งลงในสตอรี่อินสตาแกรม ซึ่งพอนำภาพทั้งสองมาประกบกันนั้น ก็จะเห็นได้ชัดว่าตัวการ์ตูนทั้งสองตัวนี้กำลังกอดกันอยู่ กล่าวคือ ทั้งสองภาพที่ ดีบาลา และ ซาบาตินี่ ได้โพสต์ลงในสตอรี่อินสตาแกรมนั้นคือภาพเดียวกันแน่นอน อย่างไรก็ตามคงจะต้องติดตามกันต่อว่าความรักของทั้งคู่นี้จะไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่

ดีบาลาและซาบาตินี่ แฟนสวยของเขาได้ประกาศว่าคบกันเมื่อหลังจบฟุตบอลโลก

เกียรติประวัติและผลงาน

Dybala and juventus winner

ระดับสโมสร

ปาแลร์โม่

แชมป์ อิตาลี ซีเรีย บี : 2013 – 2014

ยูเวนตุส

แชมป์ กัลโช่ ซีเรีย อา อิตาลี : 2015 – 2016, 2016 – 2017, 2017 – 2018

แชมป์ โคป้า อิตาเลีย คัพ : 2015 – 2016, 2016 – 2017, 2017 – 2018

แชมป์ อิตาลี ซุปเปอร์ คัพ : 2015

อย่างไรก็ตาม เปาโล ดีบาลา ถือได้ว่าเป็นนักบอลที่สู้ชีวิตเป็นอย่างมาก จนในปัจจุบันเขาสามารถที่จะสร้างชื่อเสียงและประสบความสำเร็จกับอาชีพการค้าแข้งในระดับสโมสร ซึ่งสิ่งที่ ดีบาลา ภาคภูมิใจเป็นอย่างนั่นคือ เขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวแล้วทำให้คนในครอบครัวอยู่ได้อย่างสุขสบาย และไม่ต้องลำบากเหมือนที่เคยเป็นมา

แต่สิ่งที่เขายังคงเสียใจเสมอมา นั่นคือ อดอฟโฟ คุณพ่อของเขา ผู้จุดประกายให้เขาได้ก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางลูกหนังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เห็นความสำเร็จตัวเขาเลย ดีบาลา จึงได้แต่หวังว่า อดอฟโฟ คุณพ่อของเขาคงเฝ้ามองความสำเร็จของตัวเขาอยู่กับพระเจ้าหรือที่ใดที่หนึ่ง