เอมิล สมิธ โรว์ หรือ Emile Smith Rowe เกิดเมื่อวันที่ เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2000 ที่เมืองครอยดอนทางตอนใต้ของ กรุงลอนดอน เขาเกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเล็กๆ ที่มีฐานะปานกลาง พอกินพอใช้ โดยมีคุณเป็นนักฟุตบอลกึ่งสมัครเล่นที่มักจะคอยสอนให้เขาเรียนรู้ในเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวกับวิชาลูกหนัง เขามีแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลจากคุณพ่อผู้ที่คอยอบรมสั่งสอนและมอบเทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับวิชาฟุตบอล จนทำให้เขาหลงใหลในกีฬาลูกหนัง ทั้งนี้ สมิธ โรว์ มีไอดอลที่ต้องการจะเจริญรอยตามในการค้าแข้งคือ แฟรงค์ แลมพาร์ด

Smith Rowe มีไอดอลที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพคือ แฟรงค์ แลมพาร์ด

ในเวลาต่อมาครอบครัวของเขาจะย้ายไปอยู่ทางตอนเหนือของลอนดอน นั่นจึงทำให้ สมิธ โรว์ ได้มีโอกาสได้เปิดประตูเข้าสู้เส้นทางของนักฟุตบอลอย่างจริงจัง ด้วยการได้รับสัญญาและเข้าไปอยู่ที่ทีมอคาเดมี่ของสโมสร อาร์เซนอล ตอนอายุครบ 10 ขวบ

เปิดประตูบานแรกสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

Smith Rowe เข้ามาฝึกฝนร่วมฝึกซ้อมกับ Hale End Academy ของสโมสร อาร์เซนอล ในปี 2010 ตอนที่เขามีอายุได้เพียง 10 ขวบ เขาถือเป็นเด็กชายที่ชื่นชอบในการเล่นฟุตบอลและขยันฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างที่ดูเปราะบาง แต่ สมิธ โรว์ ก็สามารถทดแทนสิ่งนั้นด้วยเทคนิคเฉพาะตัวต่างๆ ในการเล่นฟุตบอล จนทำให้เขากลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะดาวรุ่งที่ทางทีมงานสต๊าฟโค้ชให้ความสนใจและคาดการณ์ว่าเขาจะเปิดโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ได้

จากนั้นในเวลาต่อมาด้วยทักษะต่างๆ ที่เขาได้แสดงออกมาในสนามได้อย่างโดดเด่น นั่นจึงทำให้ เอมิล สมิธ โรว์ ถูกจับตามองจากสื่อมากมายทั่วเมืองผู้ดี อังกฤษ และยกย่อยให้เขาเป็น วันเดอร์คิด ก่อนที่ในปี 2016 เขาจะถูกผลักดันให้ก้าวขึ้นมาเล่นอยู่ในทีมชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี และสามารถแจ้งเกิดด้วยการก้าวขึ้นไปเป็นกำลังหลักยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างรวดเร็ว

และนอกจากนี้ ด้วยผลงานที่ร้อนแรงกับต้นสังกัด เอมิล สมิธ โรว์ จึงได้รับโอกาสสำคัญอีกหนึ่งครั้ง ด้วยติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเยาวชนในปี 2017 ร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ฟิล โฟเด้น , คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย , จาดอน ซานโช่ , และ ริอาน บรูว์สเตอร์ นั่นจึงทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เขาถูกจับตามองและได้รับข้อเสนอจากเหล่าสโมสรยักษ์ใหญ่มากมาย ทั้งทีมร่วมเมือง คู่อริตลอดกาล อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมไปถึงทีมเจ้าบุญทุ่มอย่าง บาร์เซโลน่า แต่สุดท้ายแล้ว สมิธ โรว์ ก็เลือกที่จะปฏิเสธให้กับทุกข้อเสนอและอยู่กับ อาร์เซนอล ต่อไป นับเป็นการซื้อใจ สาวก เดอะกันเนอร์ ไปเต็มๆ

ก้าวขึ้นสู่ทีมสำรอง โอกาสสำคัญในศึก ยูโรป้าลีก

หลังจากที่ Emile Smith Rowe ตัดสินใจค้าแข้งอยู่กับ อาร์เซนอล ต่อนั่นจึงทำให้เขาได้รับสัญญาฉบับจากทางสโมสร อาร์เซนอล แบบระยะยาว 5 ปีทันที ในปี 2018 และด้วยศักยภาพอันมากมายในตัวของเขานั่นเองจึงทำให้เขามักจะได้รับโอกาสจาก อูไน เอเมอรี ผู้จัดการทีมในเวลานั้น ให้ขึ้นไปร่วมซ้อมกับนักเตะทีมชุดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง แถมในบางครั้ง สมิธ โรว์ ยังมีโอกาสได้ก้าวขึ้นไปมีชื่อติดเป็นตัวสำรองของทีมชุดใหญ่อีกด้วย

ซึ่งหลังจากที่เขาได้ขึ้นไปมีชื่อติดเป็นตัวสำรองให้กับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล ได้เพียงไม่นาน Smith Rowe ก็ได้เปิดตัวลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2018 เกมที่พบกับ Vorskla Poltava ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ด้วยการเปลี่ยนลงไปเล่นแทน อเล็กซ์ อิโวบี้ ช่วงครึ่งหลัง โดยการปรากฏตัวของเขานั้นถือเป็นการเปิดตัวเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกของสโมสร อาร์เซนอล ที่มีนักเตะที่เกิดในยุค 2000

แม้ว่าเกมเปิดตัวในนัดแรกของ สมิธ โรว์ นั้นจะยังไม่สามารถแสดงฝีเท้าออกมาได้มากเท่าที่ควร แต่ในเกมถัดมาของ ยูโรป้าลีก เขาได้โอกาสในการลงสนามอีกครั้ง โดยในเกมนัดนี้เขาสามารถทำประตูได้สำเร็จ และสามารถมีส่วนช่วยให้ทีมเอาชนะ คาราบัค ไปได้ 3-0 ส่งผลให้ Emile Smith Rowe กลายเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับ อาร์เซนอล ได้ หยุดสถิติของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่เคยทำเอาไว้ในปี 2011 ได้สำเร็จ และนอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดในปี 2000 ที่ทำประตูให้ ทัพปืนใหญ่ ได้อีกด้วย

และด้วยความโดดเด่นต่างๆ บวกไปถึงความมั่นใจในการเล่น ส่งผลให้ เอมิล สมิธ โรว์ มีความต้องการในการลงสนามเพื่อพัฒนาฝีเท้าได้อย่างต่อเนื่อง บวกกับจังหวะเวลาที่เหมาะสมพอดีที่ RB Leipzig สโมสรในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน มีความต้องการที่จะเสริมเกมบุกให้มากยิ่งขึ้น จึงได้ยื่นข้อเสนอขอยืมตัว สมิธ โรว์ ไปใช้งานในช่วงเปิดตลาดฤดูหนาวปี 2019

ความท้าทายใหม่ ในศึก บุนเดสลีกา กับ แอร์เบ ไลป์ซิก

เอมิล สมิธ โรว์ ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ RB Leipzig ในสัญญายืมตัว

สโมสร อาร์เซนอล ตอบรับข้อเสนอขอยืมตัวจากสโมสร แอร์เบ ไลป์ซิก โดยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2019 สมิธ โรว์ เปิดตัวและเข้าร่วมฝึกซ้อมกับสโมสร RB Leipzig ทันที แต่เนื่องจากแข้งดาวรุ่งรายนี้ได้มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณขาหนีบติดตัวไปกับการหาประสบการณ์ในครั้งนี้ด้วย มันจึงทำให้เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงสนามเท่าที่ควร และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของทีมได้สักเท่าไหร่ ส่งผลให้เขาได้รับโอกาสในการลงสนามให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ไปเพียงแค่ 3 นัดเพียงเท่านั้น แต่อย่างน้อยการได้ย้ายไปค้าแข้งที่ต่างแดนก็สามารถทำให้เขามีภูมิคุ้มกันดีๆ เสริมสร้างให้กับชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพไปแบบเต็มๆ

หลังจากสิ้นสุด ฤดูกาล 2018-19 สมิธ โรว์ ถูกส่งตัวกลับมาที่สโมสรทันทีเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ โดยในเวลาเขาสามารถกลับมาและหายจากอาการบาดเจ็บได้สำเร็จ แต่ในทีมชุดใหญ่ของ ทัพปืนโต ในเวลานั้น ไม่มีพื้นที่พอที่จะให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองเท่าที่ควร นั่นจึงทำให้ อาร์เซนอล ตัดสินใจส่งตัวเขาไปเรียกความมั่นใจและเสริมความแข็งแกร่งอีกครั้งที่ สโมสร ฮัดเดอส์ฟีลด์ ทาวน์

เก็บเลเวล เรียกความมั่นใจ ที่ ฮัดเดอส์ฟีลด์ ทาวน์

สมิธ โรว์ กลายเป็นกำลังสำคัญของ Huddersfield Town

หลังจากที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ สมิธ โรว์ มีความต้องการที่จะลงสนามเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในฐานะแข้งดาวรุ่ง เขาจึงตัดสินใจย้ายไปค้าแข้ง ฮัดเดอส์ฟีลด์ ทาวน์ สโมสรในระดับ แชมเปี้ยนชิพ แบบสัญญายืมตัว เขาสามารถปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นและเพื่อนร่วมได้อย่างรวดเร็ว แถมยังได้รับโอกาในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง

Smith Rowe สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสโมสรได้อย่างเห็นได้ชัด โดยเขาสามารถเสริมเกมรุกให้กับทีมได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ย้ายเข้าไปร่วมทีม Huddersfield Town ในช่วงเปิดตลาด ซื้อ-ขาย นักเตะรอบสอง ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างรวดเร็ว โดยพลาดลงสนามให้กับสโมสรไปเพียงแค่นัดเดียวตลอดทั้งซีซั่น แถมยังเป็นกำลังสำคัญช่วยให้สโมสรอยู่รอดปลอดภัยในศึก แชมเปี้ยนชิพ ต่อไป ไม่ตกชั้นไปเล่นใน ลีกวัน

สมิธ โรว์ มีความมั่นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ย้ายมาเล่นให้กับ ฮัดเดอส์ฟีลด์ ทาวน์ เพราะสโมสรแห่งนี้มีระบบการฝึกซ้อมที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก ทำให้เขามีความสนุกกับความท้าทายที่ได้รับ แถมยังเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวแข้งดาวรุ่งรายนี้ได้เป็นอย่างดี

เขาพัฒนาฝีเท้าขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัดจากการลงสนามช่วย ฮัดเดอส์ฟีลด์ อยู่รอด ไม่ตกชั้นไปสู่ ลีกวัน ซึ่งหลังจากจบฤดูกาล 2019-20 สมิธ โรว์ ได้รับโอกาสสำคัญจากทางต้นสังกัดอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาได้กลายเป็นหนึ่งแข้งคนสำคัญของ อาร์เซนอล เลยทีเดียว

กลับสู่ถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แข้งคนสำคัญของ อาร์เซนอล

หลังจากที่เขากลับมาจากการเก็บเลเวลที่สโมสรจากศึก แชมเปี้ยนชิพ อย่าง ฮัดเดอส์ฟีลด์ ทาวน์ ทำให้ดาวรุ่งรายนี้มีความมั่นใจขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเขากลับมาเสริมความแข็งแกร่งในเกมบุก แถมยังได้รับโอกาสจาก มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสแปนิช บอสใหญ่ของทีม ให้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องในฤดูกาล 2020-21 ซึ่ง Smith Rowe ก็ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขาได้ยึดตำหน่งตัวจริงและลงสนามช่วยทีมไปถึง 33 เกมในทุกรายการ สร้างเสียงฮือฮาให้แฟนบอลได้เป็นอย่างดี แม้ว่าในซีซั่นดังกล่าวนั้น ทัพปืนใหญ่ จะไม่สามารถคว้าแชมป์มาครอบครองได้เลยก็ตาม

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมของ เอมิล สมิธ โรว์ ทำให้มีหลายสโมสรตามจีมให้ความสนใจที่จะดึงเขาไปร่วมทีม โดยเฉพาะ แอสตัน วิลล่า ที่เคยยื่นข้อเสนอมาให้ อาร์เซนอล ได้พิจารณา แต่ทางต้นสังกัดก็ปฎิเสธที่จะปล่อยตัวแข้งรายนี้ออกจากทีม พร้อมทั้งมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับเขาในทันที

เปิดตำนาน เบอร์ 10 คนใหม่ ของ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล

เอมิล สมิธ โรว์ ต่อสัญญาฉบับใหม่กับ อาร์เซน่อล พร้อมสวมเสื้อหมายเลข10

ซึ่งนอกจาก สมิธ โรว์ จะได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่แบบระยะยาวกับทางสโมสร อาร์เซนอล แล้วนั้น เขายังได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในสโมสรให้เปลี่ยนเบอร์เสื้อจาก 32 มาใช้หมายเลข 10 ในฤดูกาล 2021/22 นี่จึงถือเป็นการสร้างตำนานบทใหม่ของสโมสร อาร์เซนอล กับเสื้อหมายเลข 10 ของ เอมิล สมิธ โรว์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องกลายเป็นแข้งคนสำคัญ จอมทัพผู้นำทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน โดยเจ้าของเบอร์นี้คนเก่าคือ เดนนิส เบิร์กแค้มป์ และ เมซุต โอซิล ซึ่งนักเตะมีชื่อทั้ง 2 คนนี้ถือได้ว่าเป็นแข้งระดับตำนานของสโมสรเลยทีเดียว

สมิธ โรว์ อาจจะกดดันเป็นอย่างมากจากการก้าวขึ้นมาสวมใส่เสื้อหมายเลข 10 ในครั้งนี้ แต่เชื้อได้เลยว่า แข้งเทพ มาพรสวรรค์อย่างเขาจะต้องประสบความสำเร็จและสามารถพา อาร์เซนอล ไปคว้าแชมป์ได้อย่างแน่นอน

เกียรติประวัติส่วนตัว ของ เอมิล สมิธ โรว์

สโมสร อาร์เซนอล

• FA Community Shield : 2020

ทีมชาติอังกฤษ

• FIFA U-17 World Cup : 2017