คาเซมิโร่ มิดฟิลด์ตัวรับที่โดดเด่นที่สุดของโลกฟุตบอลตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชื่อว่าชื่อของดาวเตะชาวบราซิเลียนอย่าง Casemiro จะต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่ออย่างแน่นอน เพราะแข้งรายนี้โดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ แถมยังมีภาวะผู้นำสูง ยังไม่รวมถึงความทุ่มเทแบบสุดตัวแทบทุกเกมที่ลงเล่น ส่งผลให้เขาเคยสัมผัสถ้วยแชมป์ในระดับสโมสรมาแล้วแทบทุกรายการ โดยวันนี้เราจะพาทุกคนไปเปิดประวัติและผลงานต่างๆ ตลอดอาชีพค้าแข้งของดาวเตะเลือดแซมบ้ารายนี้กัน
คาเซมิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1992 ที่เมืองเซาโฮเซดอสกัมโปส (Sao Jose dos Campos) ประเทศบราซิล โดยเขาเริ่มเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี กับทีมเยาวชนของสโมสร เซา เปาโล (Sao Paulo FC) จนกระทั่งในปี 2010 เขาก็ได้ลงเล่นในเกม ซีรี่ เอ ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของบราซิลเป็นครั้งแรกในเกมที่ เซา เปาโล แพ้ ซานโตส (Santos FC) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2010 จบฤดูกาลนั้นเขาลงเล่นไป 18 นัด ต่อมาในฤดูกาล 2010/11 และ 2011/12 เขาได้รับโอกาสลงเล่นรวมทุกรายการไปถึง 90 นัด และทำผลงานได้โดดเด่นจนฟอร์มของเขาไปเข้าตา “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด (Real Madrid) ยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลา ลิกา สเปน จนทาง มาดริด ขอยืมตัวเขามาทดสอบฝีเท้ากับทีมสำรองในช่วงต้นปี 2013 ก่อนจะส่งลงเล่นกับทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเกมที่ชนะ เรอัล เบติส (Real Betis) 3 – 1 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2013 แม้ว่าจะนั่นเป็นเพียงเกมเดียวที่เขาได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาลนั้น แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ มาดริด ตัดสินใจซื้อตัวเขาไปร่วมทีมแบบถาวร
ในฤดูกาล 2013/14 Casemiro ปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ได้ไม่ดีนัก ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ไปทั้งสิ้น 25 นัด ทำได้ 1 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ ส่งผลให้ในช่วงซัมเมอร์ 2014 เขาถูกปล่อยให้ทีม เอฟซี ปอร์โต้ (FC Porto) ยืมตัวไปใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาล โดย Casemiro ลงเล่นให้ ปอร์โต้ ไป 41 นัด ทำได้ 4 กับ 3 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ ถือเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม ในฤดูกาล 2015/16 แม้ว่าเขาจะได้กลับสู่ต้นสังกัดอีกครั้ง แต่อนาคตก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากกุนซือ “ราฟาเอล เบนิเตซ” (Rafael Benitez) ไม่ได้มีแผนจะใช้งานเขาอย่างจริงจัง ให้เขาเป็นแต่เพียงตัวสำรองเท่านั้น ขณะที่สัญญาของเขากับทีมยังเหลือถึงปี 2021 จนกระทั่งมีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมเป็น “ซีเนดีน ซีดาน” (Zinedine Zidane) บทบาทของ Casemiro ใน เรอัล มาดริด ก็โดดเด่นขึ้นมาทันที โดยเขาเป็นตัวเลือกแรกในแผงมิดฟิลด์ของกุนซือชาวฝรั่งเศสแทบทุกเกม รวมแล้วในฤดูกาล 2016/17 เขาลงเล่นรวมทุกรายการไปถึง 42 นัด ทำได้ 6 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ และมีส่วนในการพา มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นดังกล่าวได้อีกด้วย
ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2013 – 2022 ที่ Casemiro ค้าแข้งอยู่ในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาบิว เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้แทบทุกรายการ ไล่ตั้งแต่ ลา ลิกา, โกปา เดล เรย์, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2022 ทางด้าน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ก็ตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 70 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยความหวังที่ว่าสไตล์การเล่นที่โดดเด่นทั้งรับและรุกของดาวเตะเลือดแซมบ้ารายนี้จะช่วยปลุกปีศาจให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
คาเซมิโร่ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ (DM) แต่เขาสามารถถอยมายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก (CB) ได้ในบางครั้ง จุดเด่นของเขาคือ มีรูปร่างที่สูงและหนา มีความแข็งแกร่ง แต่ก็มีความคล่องตัว ไม่เชื่องช้าเหมือนกองหลังตัวใหญ่คนอื่นๆ เขายังมีความสามารถในการเข้าปะทะคู่แข่งได้หนักหน่วงและแม่นยำ สามารถไล่ติดตามและกดดันแนวรุกคู่แข่งชนิดตามติดเป็นเงา ที่สำคัญคือเขาสามารถเปลี่ยนจากรับเป็นรุกโต้กลับคู่แข่งได้รวดเร็ว มีความสามารถในการจ่ายบอลที่แม่นยำ และมีลูกยิงจากแถวสองหรือบริเวณนอกกรอบเขตโทษที่ทรงพลัง ถือเป็นกองกลางที่มีความสามารถครบเครื่องทั้งรับและรุก
สำหรับ คาเซมิโร่ ลงเล่นรวมทุกรายการกับทุกสโมสรไปแล้ว 602 นัด ทำได้ 62 ประตู กับ 56 แอสซิสต์ ส่วนผลงานในนามทีมชาติบราซิล เขาลงเล่นไปแล้ว 75 นัด ทำได้ 7 ประตู นอกจากเขายังสามารถคว้าถ้วยรางวัลและเกียรติประวัติต่างๆ ได้ดังนี้
• แชมป์ ลา ลิกา: 2016/17, 2019/20, 2021/22
• แชมป์ โกปา เดล เรย์: 2013/14
• แชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ: 2017, 2020, 2022
• แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: 2013/14, 2015/16, 2016/17, 2017/18, 2021/22
• แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ: 2016, 2017, 2022
• แชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ: 2016, 2017, 2018
• แชมป์ เอฟเอ คัพ: 2023/24
• แชมป์ คาราบาว คัพ: 2022/23
• แชมป์ โคปา อเมริกา: 2019
• แชมป์ ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี: 2011
• ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: 2016/17, 2017/18
• ทีมโกปาอเมริกาแห่งทัวร์นาเมนต์: 2021
โนนี มาดูเอเก (Noni Madueke) ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษที่ย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (PSV Eindhoven) มาค้าร่วมทีมด้วยค่าตัวหลายสิบล้านยูโร และถือเป็นหนึ่งในขุมกำลังหลักของ “สิงห์บลูส์” ในฤดูกาลปัจจุบัน โดยวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับปีกเจ้าความเร็วคนนี้กัน...[...]
คาเซมิโร่ มิดฟิลด์ตัวรับที่โดดเด่นที่สุดของโลกฟุตบอลตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชื่อว่าชื่อของดาวเตะชาวบราซิเลียนอย่าง Casemiro จะต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่ออย่างแน่นอน เพราะแข้งรายนี้โดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ แถมยังมีภาวะผู้นำสูง...[...]
รูเบน อโมริม (Ruben Amorim) กุนซือใหม่ป้ายแดงของ “ปีศาจแดง” อดีตเฮดโค้ชของ สปอร์ติง ลิสบอน (Sporting CP) ที่เคยสร้างผลงานทีมคว้าแชมป์ลีก โปรตุเกส ได้ถึง 2 สมัย ที่มาทำหน้าที่แทน “เอริก เทนฮาก” (Erik ten Hag)...[...]
เปโดร เนโต้ (Pedro Neto) นักเตะทีม เชลซี เชื่อว่าใครที่เป็นสาวกของทีม “สิงห์บลูส์” น่าจะเซอร์ไพรส์ไม่น้อยกับการมาของ ปีกจอมพลิ้ววัย 24 ปีที่เพิ่งย้ายจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส (Wolverhampton Wanderers) มาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2024 ที่ผ่านมา...[...]
เปา กูบาร์ซี (Pau cubarsi) เป็นนักเตะรูปหล่ออีกคนหนึ่ง ที่โชว์ผลงานได้โดดเด่นและดุดัน ลีลาการทำประตูของเขาเป็นจริงที่เรียกว่าเกินต้าน และน่าเข้ามาติดตามกันอย่างแท้จริง แน่นอนว่าในตอนนี้เขานั้นมี บทบาทที่โดดเด่นและได้เซ็นสัญญาใหม่ ล่าสุดจนถึงปี 2027...[...]
©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.