• www.sbobetonline24.com เราคือตัวแทนจาก sbobet โดยตรง บริการแทงบอลออนไลน์ที่ดีที่สุด
  • ขณะนี้ได้มีกลุ่มแอบอ้างหลอกโอนเงิน เพื่อความปลอดภัย กรณีมีการเปลี่ยนบัญชี รบกวนท่านสมาชิกตรวจสอบให้ถูกต้องก่อน ยกตัวอย่าง โทรกลับมาที่ Call center สอบถามทีมงานเพื่อความถูกต้อง
  • ประกาศ!!! ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์การถอนเงิน และยึดเงินวางเดิมพัน สำหรับลูกค้าที่มีการเล่นแบบผิดปกติ หรือ ใช้โปรแกรมในการช่วยเล่น โดยที่ไม่จำเป้นต้องแจ้งล่วงหน้า
 

ประวัติ คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก

ในวงการฟุตบอลคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักชายคนนี้ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา เพราะเขาคนนี้มีฝีเท้าที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ ด้วยรางวัลมากมายที่ได้รับถือเป็นเครื่องหมายการยืนยันได้เป็นอย่างดี เขาคนนี้มีชื่อว่า “Cristiano Ronaldo”

คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เขาเป็นลูกชายคนเล็กที่มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ซึ่งที่มาของชื่อ Cristiano Ronaldo มาจากบิดาของเขาเป็นคนตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Ronald Wilson Reagan ที่พ่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั้นชื่นชอบมากตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นนักแสดงเลยก็ว่าได้

ครอบครัวของ Ronaldo ตั้งอยู่ในย่านกิงตาดูฟัลเชา เขตอังดูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล เป็นเขตที่มีคนยากจนส่วนใหญ่อาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก โรนัลโด้ ได้เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ เมื่อตอนที่เขาอายุถึง 6 ขวบ เขาก็เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ อังดูริญญา  (Andorinha) จากการชักชวนของญาติที่อยู่ในทีมนี้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ลงเล่นฟุตบอลในนามของเยาวชนอังดูริญญา  (Andorinha) อยู่ 2 ปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับทีม นาซีอูนัล ในปี ค.ศ. 1977 และได้ทำสัญญากับสโมสรยักษ์ใหญ่ สปอร์ติงลิสบอน แต่ทว่า โรนัลโด้ ได้ถูกพิจรณาให้ย้ายไปอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยคนที่ซื้อตัวของเขามาก็คือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในราคา 12.24 ล้านปอนด์ และทำให้ โรนัลโด้ได้แชมป์เอฟเอคัพ เป็นรางวัลแรกอันทรงเกียรติของเขามากๆ ในปี 2003

เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน

โรนัลโด เข้าสู่เส้นทางสายฟุตบอลอาชีพเมื่อปี 1997 เริ่มต้นกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน กับชุดทีมระดับเยาวชน ก่อนที่ในปี 2001 จะขึ้นสู่ชุดใหญ่ได้สำเร็จ  เมื่ออายุได้เพียง 17 ปีเท่านั้น หลังได้มีโอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติ้ง นัดแรก ก็สามารถทำได้ 2 ประตู กับทีม โมไรเรนส์ ขณะเดียวกันเขาก็ยังติดทีมชาติโปรตุเกสชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี อีกด้วย ซึ่งเป็นรายการศึกชิงแชมป์ยุโรป

หลังจากเสร็จภารกิจในศึกฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ยู-17 ชื่อของ คริสเตียโน โรนัลโด ได้เป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างในโลกลูกหนัง มีแมวมองจากทีมลีกชั้นนำของยุโรปจับตามองอย่างมากมาย กุนซือต่างๆ ยกให้เขาคือดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลประเทศโปรตุเกสสมัยนั้นทันที หนึ่งในนั้นคือ เชราร์ด อุลลิเย่ร์ ที่สมัยนั้นคุมทีม “ลิเวอร์พูล” ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ก่อนที่จะล้มเลิกการล่าลายเซ็นเจ้าหนูวัย 17 ปี รายนี้ เนื่องจากเขามองว่า โรนัลโด้ ยังเด็กเกิน ด้วยความที่เปี่ยมพรสวรรค์, ทักษะ และมาพร้อมด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่เกินวัย

ronaldo-go-to-manu

แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อีก 2 ปีถัดมา ฝีเท้าของยอดดาวรุ่งแห่ง ลิสบอน ก็ไปแตะตาของ ยอดบรมกุนซือของพลพรรค “ปีศาจแดง” อย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เป็นผู้จัดการทีมในสมัยนั้น โดยเขาพาทีมไปลงเตะอุ่นเครื่องกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนเปิดฤดูกาล 2003/2004 ก่อนที่จะโดน โรนัลโด ที่วัย 19 ปี ในตอนนั้นเผาเครื่องจนยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษไปไม่เป็น ก่อนที่จะถูกยัดเยียดความพ่ายแพ้ไปถึง 3-1 จนทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องรีบดึงตัวเจ้าหนูนี้มาร่วมทัพในทันที ด้วยค่าตัว 12.21 ล้านปอนด์ มาสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

โรนัลโด ได้รับมอบหมายให้สวมเสื้อเบอร์ 7 ต่อจาก เดวิด เบ็คแฮม ที่อำลาถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไปร่วมทัพ รีล มาดริด เรียกได้การสวมยูนิฟอร์มของ แมนยู หมายเลข 7 นี้ ทำให้ชื่อเสียงของ โรนัลโด โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ชื่อเสียงก็มาพร้อมกับแรงกดดันอันมหาศาล ท่ามกลางความคาดหวังของเหล่าพลพรรค “Red Devil” จนมีครั้งหนึ่งเขาเคยขอเปลี่ยนเบอร์เสื้อเป็นหมายเลข 28 ตามเดิมเหมือนที่เค้าเคยสวมในสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ถูกปฏิเสธจากสโมสร เนื่องจากทุกคนต่างมากว่า โรนัลโด เหมาะสมแล้วที่จะสืบทอดตำนานหมายเลข 7 ต่อจาก เดวิด แบ็คแฮม ต่อไปในอนาคต

ronaldo-first-manu

ลงสนามครั้งแรกบนเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

เจ้าของเสื้อเบอร์ 7 ได้ลงสัมผัสสนามบนเวที พรีเมียร์ ลีก เกมแรก ในวันที่ 16 สิงหาคม 2003 กับ “ปีศาจแดง” คือ เกมที่เดินทางไปถล่ม โบลตัน วันเดอเรอร์ส ไปถึง 4-0 โดยลงสนามมาในนาทีที่ 60 แทน นิคกี้ บัตต์ และฤดูกาลเดียวกันนั้น นัดที่แมนยูพบกับแอสตัน วิลล่า โรนัลโด ต้องโดนใบแดงครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้งของเขา ด้วยการไปเตะบอลทิ้งทั้งที่กรรมการเป่าหยุดเกมไปแล้ว ทำให้เขาต้องโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงออกจากสนามไป ก่อนที่จะปิดฤดูกาลแรกของเขากับแมนยู โรนัลโด ได้รับเลือกเป็น 11 ตัวจริง นัดชิงแชมป์ FA Cup กับสโมสร มิลล์วอลล์ สามารถซัดไป 1 ประตู ช่วยให้แมนยูคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปครองด้วยสกอร์ 3-0 จบฤดูกาลแรก เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ Sir Matt Busby Player of the Year ประจำฤดูกาล 2003/2004

ต่อมาในฤดูกาลที่ 2 ของ ปี 2004/2005 โรนัลโด กับแมนยูไนเต็ด ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเท่าปีแรกที่เข้ามา ตลอดทั้งฤดูกาลลงเล่นไป 50 นัด ซัดไปเพียง 9 ประตู ในฤดูกาลนี้เองที่ โรนัลโด ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องของสไตล์การเล่น ที่มักจะชอบเลี้ยงบอลและโชว์ทักษะการหลอกคู่ต่อสู้ บ่อยครั้งทำให้จังหวะการเล่นของทีมเสียและไม่เป็นทีมเวิร์ค ก่อนที่ท้ายฤดูกาล แมนยู มีโอกาสเข้าไปชิงดำกับ สโมสร อาร์เซน่อล แต่ในนัดนั้นพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ “ไอ้ปืนใหญ่” หลังเสมอในเกมกันที่ 0-0 ก่อนที่จะมาดวลจุดโทษตัดสิน สุดท้ายแมนยูพ่ายไป 5-4

ronaldo-ballon-dor-winner2008

ประกาศความสุดยอดให้โลกลูกหนังรู้จัก คริสเตียโน โรนัลโด

ฤดูกาล 2007/2008 คือซีซั่นที่โรนัลโดประกาศความยิ่งใหญ่ของตนเองให้โลกรู้ ด้วยการกดไปถึง 42 ประตู จากการลงสนามเพียง 49 นัด พ่วงด้วยการพาปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าดับเบิ้ลแชมป์ คือ ถ้วนลีกสูงสุดของอังกฤษอย่าง พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 10 ของสโมสร และถ้วยบิ๊กเอียร์ แชมป์ใหญ่ที่สุดแห่งยุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่คว่ำเชลซีลงได้จากการดวลจุดโทษ ชนะไป 6 ประตูต่อ 5 ก่อนจะส่งให้ คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลบัลลงดอร์และรางวัลรองเท้าทองคำไปครองได้สำเร็จ

และนั้นเป็นการกระตุ้นให้ ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่กำลังกระหายแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดและเริ่มมองหานักเตะระดับโลกมาช่วยยกระดับทีม โดยมีชื่อโปรเจค กาลาติกอส 2 หรือการรวมเหล่านักเตะที่มีฝีเท้าระดับโลกมารวมไว้ด้วยกัน สร้างทีมรวมดาราที่ยิ่งใหญ่และ โรนัลโด คือเป้าหมายแรกของ เรอัล มาดริด ที่จะเริ่มโปรเจคนี้ เวลานั้น ประธานของเรอัล มาดริด นามว่า ฟลอเรนติโน เปเรซ พร้อมทุ่มเงินมหาศาลเป็นสถิติโลกเวลานั้นถึง 100 ล้านปอนด์ (6,300 ล้านบาท) เพื่อที่จะคว้าตัวของ โรนัลโด้ ไปร่วมทัพให้ได้ ก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะทำการเบรกเอาไว้และขอให้ โรนัลโด อยู่ช่วยทีมก่อนอีก 1 ปี

ronaldo-first-messi-football

การพบกันครั้งแรกของ โรนัลโด – เมสซี

ฤดูกาล 2007/2008 และใครจะคิดว่าก่อนจบฤดูกาล ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก นัดรองชนะเลิศ จะเป็นการโคจรมาพบกันของ 2 นักเตะที่เก่งที่สุดโลกขณะนั้น อย่าง ลิโอเนล เมสซี ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่งในขณะนั้น ในการพบกันของทั้งคู่จบลงที่ พอล สโคลส์ ซัดประตูชัยประตูเดียวในเกม พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดับซ่าบาร์เซโลน่า เข้ารอบชิงชนะเลิศ โคจรไปพบกับคู่ปรับร่วมลีกอย่าง เชลซี ก่อนที่จะคว้าแชมป์ได้สำเร็จ

หลังจากนั้นเพียงฤดูกาลถัดมา 2008/2009 สุดยอดนักเตะแห่งยุคโรนัลโด ได้กลับมาพบ เมสซี อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นนัดชิงชนะเลิศ เมสซี จัดการเผาเครื่องแมนยูจนหมดสภาพ นัดนั้นเป็น บาร์เซโลน่าชนะไป 2-0 และนั้นเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ โรนัลโด ในชุดยูนิฟอร์มสีแดงหลังจากเขาขายวิญญาณให้กับปีศาจไปถึง 6 ปีเต็ม เขาไปย้ายเข้าสู่สเปนเพื่อเจอความท้าทายใหม่ๆ และหนึ่งความท้าทายของเขา คือ ลิโอเนล เมสซี

ronaldo-go-to-real-madrid

เข้าสู่ทัพราชันและการเผชิญหน้ากับคู่แข่งตลอดกาล ลิโอเนล เมสซี

หากพูดถึง ลา ลีกา สเปน จะมีเพียงแค่ 2 ทีมที่สลับความเป็นใหญ่กันอยู่นั้นก็คือ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ทั้ง 2 ทีมขับเคียวกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะยุคไหนๆ การมาของ โรนัลโด แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า แน่นอน ในปี 2009 เขาตัดสิจใจย้ายซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลกเวลานั้นถึง 80 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญา 6 ปี การมาของ โรนัลโด สร้างความฮือฮาอย่างมากในวงการฟุตบอล ไม่ใช่กับแค่เหล่าสาวกราชันชุดยาวเท่านั้น เขายังสร้างกระแสที่น่าตกใจไปทั่วทุกมุมโลก มีแฟนบอลในสนามมาต้อนรับการเปิดตัวอย่างเขามากมายถึง 80000 คน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ส่วมเสื้อเบอร์ 7 ที่คุ้นเคยสมัยอยู่แมนยู เขาต้องใส่เสื้อหมายเลข 9 ภายใต้ชื่อเรียกใหม่ว่า “CR9”

เพียงฤดูกาลแรก 2009/2010 โรนัลโด สามารถโชว์ฟอร์มอันร้องแรงด้วยการกะซวกไปถึง 33 ประตูจากการลงสนาม 35 นัด ซึ่งเขาสามารถครองรางวัลดาวซัลโวสูงสุด ของ ลา ลีกา ได้ทันทีตั้งแต่ย้ายเข้ามาในซีซั่นแรก แต่ด้านความสำเร็จของสโมสรกลับตรงกันข้าม เรอัล มาดริด ได้แค่ อันดับ 2 ในลีก ส่วนรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ที่ประธานเปเรซหมายมั่นปั่นมือว่าจะต้องคว้ามาให้ได้ ก็ทำได้เพียงจอดที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น และบอลถ้วยอย่าง โกปา เดล เรย์ ย่ำแย่ไม่แพ้กันถูกหยุดที่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

ก่อนที่ต่อมาในฤดูกาลที่ 2 ภายใต้การคุมทัพของโค้ชคนใหม่อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์คนเก่งและเป็นคนโปรตุเกสเช่นเดียวกัน และเพิ่งพาทีม อินเตอร์ มิลาน เถลิงบัลลังแชมป์ ยูฟ่า มาหมาดๆ เพราะมาดริดหวังที่จะกลับไปยิ่งใหญ่บนเวทียุโรปอีกครั้ง ขณะเดียวกัน โรนัลโด ก็ได้กลับมาใส่เสื้อหมายเลข 7 อีกครั้ง หลังการอำลาทีมของ ราอูล กอนซาเลซ ทำให้ชื่อเขาถูกเปลี่ยนและเป็นที่รู้จัก คุ้นหูเป็นอย่างมาก คือ “CR7” ฤดูกาลนี้ ซีอาร์เซเว่น ยังคงรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นของตนเองได้ดีเช่นเดิม หลังทำประตูอย่างถล่มทลายถึง 53 ประตู จากการเล่นลง 54 นัด ส่วนในด้านความสำเร็จของสโมสรก็ดีขึ้นมาหน่อย ด้วยการคว้าแชมป์บอลถ้วยอย่าง โกปา เดล เรย์ และเขาเป็นคนซัดประตูชัยประตูเดียวในเกมนี้ในนาทีที่ 103 ส่งเรอัล มาดริด คว้าแชมป์และเป็นแชมป์แรกของเขากับราชันชุดขาว แต่สำหรับยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ถ้วยที่มาดริดต้องการมากที่สุด พวกเขาทำได้เพียงผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น

ronaldo-mourinho-join-madrid

ฤดูกาลสุดท้ายระหว่าง โซเซ่ มูรินโญ่กับโรนัลโด และความวุ่นวายในแคมป์ ราชัน

เดินทางเข้าสู่ฤดูกาลที่ 4 ประจำปี 2012/2013 ของ CR7 ภายใต้ความกดดันมหาศาลที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ได้สักทีหลังจากเริ่มโปรเจค กาลาติกอส รุ่น 2 มาแล้ว 3 ฤดูกาล กลับได้มาเพียง แชมป์ลีก ลา ลีกา 2011/2012 กับ โกปา เดล เรย์ อย่างละ 1 แชมป์ติดมือเท่านั้น ในฤดูกาลนี้แคมป์ราชันปั่นป่วนแบบสุดๆ หลังบรรดาสตาร์ในทีมแบ่งพรรคแบ่งพวกกันเอง โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง แถมโรนัลโดยังไม่กินเส้นกับมูรินโญ่อีก หลังโรนัลโดไม่ยอมเล่นตามแทคติก หนักเข้าไปอีกเมื่อบ่อยครั้งที่มูรินโญ่ชอบวิจารณ์การเล่นของโรนัลโดออกสื่อบ่อยๆ ทำให้โรนัลโดไม่พอใจสุดๆ จนจบฤดูกาล เรอัล มาดริด ไม่มีโทรฟี่อะไรติดไม้ติดมือเลยสักรายการเดียว นับว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่จะปลดมูรินโญ่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม

การมาของ อัลเชลอตติ และบิ๊กเอียร์ใบแรกของ โรนัลโด กับ เรอัล มาดริด

เหมือนราชันชุดขาวรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ฤดูกาลต่อมา 2013/2014 พวกเขาจัดการดึงกุนซือมากฝีมืออย่าง อัลเชลอตติ เพื่อหวังให้โค้ชมาดมาเฟียรายนี้ พา เรอัล มาดริด คว้ายูฟ่าให้ได้สำเร็จ และนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคิดถูกต้องทุกประการ เพราะพวกเขาสามารถสถาปนาเป็นเจ้ายุโรปได้สำเร็จ ที่สำคัญ CR7 ลงสนามครบ 200 เกมกับ เรอัล มาดริด และเป็นดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกของเขากับเรอัล มาดริด ที่ได้ทั้ง ยูฟ่า และ โกปา เดล เรย์ จบฤดูกาล กัปตันทีมชาติโปรตุเกสซัดคนเดียวไปถึง 51 ประตู ลงสนาม 47 นัด จบฤดูกาล โรนัลโด ตัดสินใจฝากชีวิตไว้กับราชันชุดขาว ด้วยการขยายสัญญาอีก 4 ปี รับค่าเหนื่อยรับเละถึง 17 ล้านยูโรต่อปี

ballon-dor-5-trophy

โรนัลโด กับการเป็นเจ้ายุโรปกับราชันชุดขาว พร้อมบัลลงดอร์อีก 4 สมัย

ในอีก 3 ปีถัดมา โรนัลโด สามารถพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า อีก 3 สมัยติดต่อกัน คือปี 2015/2016, 2016/2017, 2017/2018 และยังสร้างสถิติมากมายนับไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นคือ รางวัล บัลลงดอร์ ได้เพิ่มมาอีก 4 สมัย รวมทั้งหมดที่ได้รับคือ 5 สมัย เทียบเท่า ลิโอเนล เมสซี คู่แข่งตลอดกาลของตน โรนัลโด กวาดรางวัลส่วนตัวเป็นว่าเล่น แม้ตลอดการเล่นให้เรอัล มาดริด ของเขาจะสุดยอดเพียงใด แต่ยามที่เขาฟอร์มตกมักจะถูกแฟนบอลของตนเองกล่าวโทษและโห่ไล่อยู่เสมอ ทำให้ตนตัดสินใจสิ้นสุดการค้าแข่งกับเรอัล มาดริด ย้ายเข้าสู่ เซเรีย อา อิตาลี ภายใต้อ้อมอกของม้าลายยูเวนตุส ในปี 2018 และเริ่มความท้าทายใหม่ในชีวิตการค้าแข้งของเขา

Ronaldo ได้รับใช้ชาติโดยการลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสนัดแรก ปี 2003 ที่ต้องเจอกับทีม คาชัคสถาน เดือนสิงหาคม จึงให้ให้หลังจากนั้น เขาได้ลงเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 5 ทัวร์นาเมนต์ ได้แก่ ยูโร 2004 ฟุบอลโลก 2006 ยูโร 2008 ฟุตบอลโลก 2010 ยูโร 2012 โดยประตูแรกที่ทำได้ในนามทีมชาติโปรตุเกสในปี 2004 เป็นนัดเปิดสนามที่ต้องพบกับ ทีมชาติกรีช ซึ่งเขาเป็นคนสำคัญมากที่ได้นำทีมเข้าไปแช่งในรอบชิงชนะเลิศ

ต่อมา โรนัลโด้ ได้รับบทบาทในการลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้น ซึ่งในปี 2008 โรนัลโด้ได้เป็นกัปตันทีมให้กับทีมชาติโปรตุเกสเป็นครั้งแรก และได้พาทีมเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศได้ ซึ่งตัวของเขาเองสามารถยิงไปได้ 3 ประตูของการแข่งทัวร์นาเมนต์นี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2012 Ronaldo ได้ลงเล่นครบ 100 นัด ให้กับทีมชาติโปรตุเกส ทำให้เขากลายเป็นนักเตะ 1 ใน 3 ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติของโปรตุเกส เกิน 100 นัด

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 ได้มีการจัดอันดับนักเตะรูปงานแห่งยูโร ที่ถูกจัดทำโดย บริษัท LG (เครื่องใช้ไฟฟ้า) ทำให้ Cristiano Ronaldo ได้รับคะแนนโหวดมากที่สุดจนได้รับอันดับ 1 ต่อมีในปี 2012 Cristiano Ronaldo ยังได้รับรางวัลนักกีฬา ไอบีเรีย –   อเมริกา ประเภทนักฟุตบอลชาย อีกด้วย

Cristiano_Ronaldo_winner_trohy

การมายูเวนตุสของโรนัลโด้ ทำให้เกิด “โรนัลโด้เอฟเฟ็กต์”

โรนัลโด ย้ายเข้าสู่ กัลโช่ เซเรีย อา ด้วยวัย 33 ปี พร้อมกับค่าตัวมหาศาลที่เกินกว่าจะจ่ายให้นักเตะในวัย ขึ้นเลข 3 แต่ไม่ใช่กับ ชายที่ชื่อว่า “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ม้าลายยูเวนตุส ยอมควักสูงถึง 100 ล้านปอนด์ เพื่อดึงมาร่วมทัพ จนทำให้เกิดปรากฎการณ์ “โรนัลโด้เอฟเฟ็กต์” แฟนบอลต่างยินดีและชื่นชอบกับดีลนี้ที่เกิดขึ้นมาก ซึ่งเหตุผลที่เขาตัดสินใจเลือกย้ายมาหาความท้าทายใหม่ที่ อิตาลี เพราะเขาหลงแฟนบอลยูเว่มากๆ

แต่ทั้งนี้หลายคนเชื่อว่าเหตุผลที่แท้จริง ที่เขาตัดสินใจย้ายออกจาก เรอัล มาดริด เป็นเพราะประธานสโมสรอย่าง ฟลอเรนติโน เปเรซ ที่ไม่ชื่นชอบ CR7 เนื่องจากเขาดูมีอิทธิพลต่อทีมมากเกินไป และประธานอย่าง เปเรซ ชื่นชอบ เกเร็ธ เบล มากกว่า ถึงขนาดที่โรนัลโด้ย้ายออกจาก เรอัล มาดริด ก็ไม่มีการจัดแมตอำลา หรือแม้กระทั้งได้กล่าวอำลาแฟนบอลชุดขาวเลย

โรนัลโด้ ยังโชว์ความสุดยอดเหมือนเดิม เขาทำลายสถิติมากมายกับยูเวนตุส เช่น เป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ลงเล่นชนะในศึกยูฟ่าแชมป์เปี่ยนลีก 100 นัด และอีกสถิติที่เขาสามารถทำได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาร่วมทัพ คือ ประตูได้ 10 ประตู หลังลงเล่นไปเพียง 14 นัดแรก คนที่ทำได้ในสโมสรยูเวนตุส มีเพียงแค่ จอห์น ชาร์ลส์ เท่านั้น โรนัลโด้ ได้แชมป์แรกกับยูเวนตุสในเมือ มกราคมปี 2018 คือ แชมป์  ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา โดยการเอาชนะ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ก่อนที่จะได้แชมป์ เซเรียอา อิตาลี แชมป์ลีกสูงสุดอีก 1 สมัย ตามมา ทำให้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ่วาเขาเป็นนักเตะคนแรกที่แชมป์ลีกสูงสุด ของ อังกฤษ, สเปน และ อิตาลี จบฤดูกาลแรกด้วยสถิติ 21 ประตู 8 แอสซิส

ฤดูกาลที่ 2 บนสังเวียน กัลโช่ เซเรีย อา 2019-2020

และแล้วก็เดินทางมาถึงฤดูกาลที่ 2 ของ โรนัลโด้ กับ ยูเวนตุส เขาได้รับรางวัล นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยม อันดับ 3 เมื่อ วันที่ 23 กันยายน 2019

เจ้าตัวยังคงโชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่อง โรนัลโด้ ซัลโวไปถึง 31 ประตู สามารถนำทัพม้าลาย ป้องกันแชมป์ สคูเด็ตโต้ ได้สำเร็จ ทำให้เขาได้แชมป์ลีกเป็นสมัยที่2ติดต่อกันร่วมกับทัพม้าลายยูเวนตุส

จากนั้นในฤดูกาลที่3ของเขา โรนัลโด้ ยังคงทำผลงานได้อย่างสุดยอด สามารถ พังประตูคู่ต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในฤดูกาลนี้เขาสามารถคว้าดาวซัลโว ด้วยจำนวนประตู 29 ประตู นอกจากนั้นแล้วเขายังสร้าง 2 ประวัติศาสตร์ คือ เป็นผู้เล่นคนแรกที่คว้าดาวซัลโว 3 ลีกใหญ่ในยุโรป และยิงครบ 100 ประตู ไวที่สุดของสโมสรยูเวนตุส ด้วยเวลาไม่ถึง 3 ปี

แต่ผลงานของทีมไม่เป็นแบบที่ตั้งใจไว้เพราะทัพม้าลาย ต้องลุ้นเหนื่อย เข้าป้ายมาเป็นที่4 ในฤดูกาลดังกล่าว และเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเจ้าตัวในสีเสื้อม้าลายอีกด้วย

ปลุกผีขึ้นจากหลุม คัมแบ๊คแมนยู เพื่อเขียนประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

การกลับมาของโรนัลโด้นั้นทำให้แฟนๆ ทั่วโลกจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าตัวมีข่าวกับ เรือใบสีฟ้าอริร่วมเมือง ที่สนใจอยากได้ตัวและกำลังจะเซ็นสัญญาคว้าตัว CR7 กลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เพื่อมาแทน กุน อเกวโร่ แต่สุดท้ายเป็นปีศาจแดง ที่คว้าตัว โรนัลโด้ จากสายตรงของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ที่ช่วยกล่อมโรนัลโด้ ให้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ ในโรงละครแห่งฝันอีกครั้ง ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร บวกกับออปชั่นอีก 8 ล้านยูโร พร้อมรับค่าเหนื่อยราว 480,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ภายใต้สัญญา 2 ปี พร้อมมีออปชั่นขยายสัญญาออกไปได้อีกหนึ่งปี

การเปิดตัวนัดแรกของ โรนัลโด้ ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ทั่วโลกผิดหวัง เมื่อเจ้าตัวกด 2 ประตูใส่นิวคาสเซิ่ล ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำให้แฟนบอลของยูไนเต็ดทั่วโลกพากันมีความสุขที่ได้เห็น CR7 กลับมาช่วยยกระดับของทีมไปในทางที่ดี

ผลการแข่งขัน จบลงด้วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะนิวคลาสเซิ่ล 4-1 เป็นการคัมแบ๊ค แมนยูไนเต็ค ที่สมบูรณ์แบบมากๆ

จุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้งของ CR7 กับ Manchester United

เมื่อแรกรักก็มักหอมหวาน และนานไปก็จืดจางเป็นธรรมดา ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกแห่งผลบนโลกใบนี้สำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ก็เช่นกัน โดยนักเตะระดับโลกวันนี้ด้วยวัย 36 ปียิงไปถึง 24 ประตู จาก 38 เกมในทุกรายการ ซึ่งเขาคนนี้ยังล้างตำแหน่งสุดยอดดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร แก่แล้วก็เกิดการปรับทัพกันเกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ จากโอเล่ กุนน่า โซชา กลับกลายเป็น ราล์ฟ รังนิก มาคุมทีมชั่วคราวก่อนเปลี่ยนมือเข้าสู่ Elite Ten Heart ในซีซั่น 2022-2023 และนี่เองเป็นจุดที่เปลี่ยนให้ superstar เบอร์ 1 ของทีมที่เคยอยู่ในตัวจริงทุกๆ นัดได้เป็นเพียงแค่องค์ประกอบ และส่วนร่วมของทีมนั่งติดขอบสนามอยู่เป็นประจำ จึงทำให้เจ้าตัวนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเด่นชัด ซึ่งยังมีการปล่อยข่าวถึงการย้ายทีมออกมาเรื่อยๆ

จุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้งของ คริสเตียโน โรนัลโด้ กับ Manchester United

Cr7-Erik-ten-Hag

เมื่อแรกรักก็มักหอมหวาน และนานไปก็จืดจางเป็นธรรมดา ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกแห่งผลบนโลกใบนี้สำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ก็เช่นกัน โดยนักเตะระดับโลกวันนี้ด้วยวัย 36 ปียิงไปถึง 24 ประตู จาก 38 เกมในทุกรายการ ซึ่งเขาคนนี้ยังล้างตำแหน่งสุดยอดดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร แก่แล้วก็เกิดการปรับทัพกันเกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ จากโอเล่ กุนน่า โซชา กลับกลายเป็น ราล์ฟ รังนิก มาคุมทีมชั่วคราวก่อนเปลี่ยนมือเข้าสู่ Elite Ten Heart ในซีซั่น 2022-2023 และนี่เองเป็นจุดที่เปลี่ยนให้ superstar เบอร์ 1 ของทีมที่เคยอยู่ในตัวจริงทุกๆ นัดได้เป็นเพียงแค่องค์ประกอบ และส่วนร่วมของทีมนั่งติดขอบสนามอยู่เป็นประจำ จึงทำให้เจ้าตัวนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเด่นชัด ซึ่งยังมีการปล่อยข่าวถึงการย้ายทีมออกมาเรื่อยๆ

คริสเตียโน โรนัลโด้ กับความไม่พอใจที่ทวีความรุนแรง

คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ดูแล้วว่าจะไม่ชื่นชอบการทำทีมของ เอริก เทน ฮาก ซึ่งสำหรับกุนซือคนนี้ก็มองไม่เห็นตัวตนดาวดัง เอาแต่คนนี้อยู่ในการทำทีมด้วยเช่นกัน ซึ่งสัญญาณแตกหักเริ่มชัดเจนเมื่อขณะที่ ปิศาจแดง ได้เปิดลังเอาชนะสเปอร์ส 2 ต่อ 0 ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสุดๆ แต่ต่อมานาทีที่ 88 คริสเตียโน ตัดสินใจเดินออกจากสนามเข้าอุโมงค์ไปตั้งนาน ตั้งแต่ยังไม่จบเกม จนกระทั่งหลังเกม เอริก เทน ฮาก บอกว่าเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เองก่อนจะประกาศว่าตัวของยอดดาวยิงจะไม่มีชื่ออยู่ในเกมใหญ่ของแมนยูที่จะบุกไปเยือนเชลซีแต่อย่างใดเพื่อเป็นการลงโทษความไม่เป็นมืออาชีพของเจ้าตัวนั่นเอง

คริสเตียโน โรนัลโด้ กับการปะทุจุดแตกหักกับ Manchester United

ปี 2022 สำหรับตัวของยอดดาวยิง โรนัลโด้ ก็เดินทางมาถึงที่สุดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตัวของเขาเองให้สัมภาษณ์กับนักข่าวชื่อดังของอังกฤษโดยพูดถึงทั้งตัวกุนซือแบบสโมสรชนิดที่เรียกว่าไม่เหลือเยื่อใย โดยเนื้อหาใจความมีว่าไม่ Manchester United ได้ทำการหักหลังเขา และบังคับเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ ไม่ใช่เพียงแค่ช่วงเวลาเดียวแต่หลังจากที่กุนซือคนดังกล่าวเดินทางมาถึงทีมอีกด้วย แล้วเท่านั้นเองความสัมพันธ์ก็ขาดสะบั้นลง เพราะเมื่อนักเตะไม่มีความเคารพในตัวกุนซือแล้วทุกอย่างก็เดินต่อไปไม่ได้ และสิ่งนี้ทำให้แฟนบอลนั้นถึงขั้นแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งเลย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่เห็นด้วยกับเขา หรือฝังเห็นด้วยกับ เอริก เทนฮาก ซึ่งหลังจากนั้นก็ตามมาสู่การประกาศยกเลิกสัญญานักเตะรายนี้ปิดฉากชีวิตในถิ่น โอแทรฟฟอร์ด อย่างน่าผิดหวังกันเลย

บ้านใหม่ สโมสร อัลนาสเซอร์

คริสเตียโน โรนัลโด้ หลังจากที่ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตกับทีมใหม่มาระยะหนึ่ง เขาก็ได้เดินทางหาความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งสิ่งนั้นก็ทำได้สำเร็จเพราะดาวรุ่งซูเปอร์สตาร์วัย 37 ปีได้เซ็นสัญญากับทางด้าน สโมสร อัลนาสเซอร์ ทีมในลีกประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในข่าวดังที่ BBC Sport ถึงขั้น ต้องหยุดและรายงานกันแบบทันควันเลยทีเดียว แต่เรื่องยังไม่จบอยู่แค่นั้นเพราะการมาของเขาเป็นการท้าทายสถานการณ์ที่เล่นในรูปแบบที่อยู่ในดินแดนต่างถิ่น และไม่ใช่ลีกพรีเมียร์ลีกแต่อย่างใด แต่ที่เร้าใจไปกว่านั้นนั่นก็คือ เขายังเป็นหนึ่งในยอดกัปตันทีมชาติโปรตุเกสที่ฟันค่าเหนื่อยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจากการเปิดเผยคร่าวๆ สูงถึง 177 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งเขายังบอกเลยว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้สัมผัสกับลีกฟุตบอลใหม่ๆในประเทศอื่นและก็ตั้งเป้าว่าจะคว้าแชมป์ทุกรายการหลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลในระดับยุโรปมาแล้วอย่างมากมาย และสิ่งที่เราควรทำต่อไปนั่นก็คือ จับตาดูเขาคนนี้ไว้ให้ดีนั่นเอง

Al-Nassr-Cr7

CR7 คนนี้ยังถูกจัดได้ว่าเป็นที่สุดแห่งดาวค้างฟ้าตลอดกาลสำหรับทางฝั่งของยุโรป และในเอเชียก็ตามที ถึงแม้ว่าอย่างไรก็ตามสำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของเขาก็ติดตามกันได้เลยนะ เพราะนี่เป็นหนึ่งในยอดดาวยิงที่ไม่ทำให้ใครผิดหวังอย่างแน่นอน

ความสำเร็จ และผลงานของ Cristiano Ronaldo

ระดับสโมสร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย 2006 – 2007 , 2007 – 2008 , 2008 – 2009

แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย 2003 – 2004

แชมป์ลีกคัพ 2 สมัย 2005 – 2006 , 20008 – 2009

แชมป์คอมมิวนิตี้ชิลด์ 1 สมัย 2007

แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย 2007 – 2008

แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย 2008

เรอัลมาดริด

แชมป์ลาลีก้า 1 สมัย 2011 – 2012

แชมป์โกปา เดล เรย์ 2 สมัย 2010 – 2011 , 2013 – 2014

แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย 2013 – 2014

แชมป์ยูฟ่าคัพซุปเปอร์คัพ 1 สมัย 2014

ยูเวนตุส

แชมป์เซเรียอา 2 สมัย 2018 – 2019 , 2019-2020

ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา 1 สมัย 2018

ronaldo-winner-euro-2016

ระดับทีมชาติ

แชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ปี 2016

รองแชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ปี 2004

นอกจากนี้ยังมี ระดับส่วนตัวอีกมากมาย เช่น รางวัลทีมยอดเยี่ยม , นักเตะยอดเยี่ยม , ดาวซัลโว , รางวัลฟีฟ่า ปุสกัส อวอร์ด , รางวัลฟีฟ่าบังลงดอร์ เป็นต้น

ronaldo-winner-golden-boots

เกียรติประวัติความสำเร็จส่วนตัว

FIFA Ballon d’Or 2008, 2013, 2014, 2016, 2017

FIFA World Player of the Year 2008

FIFPro World Player of the Year 2008

FIFPro Special Young Player of the Year 2003-2004, 2004-2005

FIFA Puskas Award 2009

The Best FIFA Men’s Player 2016, 2017

European Golden Shoe 2007-2008, 2010-2011, 2013-2014, 2014-2015

World Soccer Player of the Year 2008, 2013, 2014, 2016, 2017

PFA Portuguese Player of the Year 2016, 2017

Premier League Golden Boot 2007–2008

Premier League Player of the Season 2006–2007, 2007–2008

PFA Young Player of the Year 2006–2007

PFA Players’ Player of the Year 2006–2007,2007–2008

PFA Premier League Team of the Year 2005–2006, 2006–07, 2007–2008, 2008–2009

Premier League Player of the Month November 2006, December 2006, January 2008, March 2008

UEFA Team of the Year 2004, 2007, 2008, 2009, 2010, 2011, 2012, 2013, 2014, 2015, 2016

UEFA Club Footballer of the Year 2007-2008

UEFA Best Player in Europe Award 2014, 2016, 2017

UEFA Champions League Squad of the Season 2013–2014, 2014–2015, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018

UEFA European Championship Team of the Tournament 2004, 2012, 2016

UEFA European Championship Silver Boot 2016

UEFA Euro All Time XI

FIFA World Cup Dream Team 2018

รางวัลพิเศษจากฟีฟ่า หลังทำสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในระดับทีมชาติ ด้วยจำนวน 115 ประตู จากการลงเล่น 184 นัดรวมทุกรายการ ทีมชาติโปรตุเกส (2003 – ปัจจุบัน)

รางวัลดาวซัลโวลาลิกา (ปิชิชี่ โทรฟี่) : 2010–11, 2013–14, 2014–15

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของลาลิกา : 2013–14

รางวัลดาวซัลโวเซเรียอา : 2020–21

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเซเรียอา : 2019,2020

โรนัลโดและเมสซี คู่แข่งที่ฟ้าลิขิตให้มาพบกัน

เคยมีคำกล่าวไว้ว่า “ฟ้าส่งโรนัลโด้ มาเกิดแล้ว เหตุใดถึงส่ง เมสซี่ มาเกิดด้วย” โรนัลโด เคยพงาดคว้าบัลลงดอร์ หรือ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลก ที่นักฟุตบอลคนไหนก็ใฝ่ฝัน เพราะนั่นคือการบ่งบอกว่าตนคือนักเตะเบอร์ 1 ของโลก ก่อนหน้านี้ โรนัลโด ขึ้นรับรางวัลนี้ได้เพียงครั้งเดียวคือปี 2008 ก่อนที่จะได้เข้าชิงติดต่อกันอีก 4 ปี แต่ 3 ใน 4 นั้น เขากลับเป็นรองให้แก่ ชายที่ชื่อว่า “ลิโอเนล เมสซี” มาโดยตลอด

หากใครที่ดูบอลในยุคนี้ไม่ต้องถามเลยว่ารู้จัก โรนัลโด หรือ เมสซี รึเปล่า เพราะทั้งคู่เป็นเหมือนฟ้ากำหนดให้มาแข่งขันกันในโลกฟุตบอล โรนัลโดและเมสซีคือคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันมากที่สุดเท่าที่โลกฟุตบอลเคยมีมา โรนัลโด มีโอกาสได้เจอกับ เมสซี ครั้งแรกในเกม ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก นัดนั้นเมสซีโชว์ได้อย่างร้อนแรง สร้างความปั่นป่วนให้ผีแดง จนสุดท้ายแมนยูต้านไม่ไหวพ่ายไป 2-0 ทำให้โรนัลโดเสมือนเจอกับบุคคลที่สุดยอดและต้องการพิสูจน์ตนเองด้วย

เขาตัดสินใจย้ายเข้าสู่ลีกสเปนทันทีในอีกฤดูกาลต่อมา เนื่องจากเมสซีที่ค้าแข้งให้กับ บาร์เซโลน่า อยู่ก่อนแล้ว ทำให้ทั้งคู่ได้มาพบกันในลีก ลา ลีกา สเปน ที่สำคัญต้นสังกัดของทั้งคู่ต่างก็เป็นอริตลอดกาล ทำให้เมื่อไหร่ที่ทีมของทั้งคู่มาเจอกัน ทำให้เราได้ดูเกมที่ยิ่งกว่าระดับ 5 ดาว หรือที่เรียก เอลกลาซิโก้ แต่มันพิเศษและความสนุกอยู่ตรงที่เราจะได้ดู 2 นักเตะที่เก่งที่สุดของโลกมาเจอกัน

ทั้งต่างแข่งขันกันอย่างสุดยอดและสมน้ำสมเนื้อแบบสุดๆ เมสซีสามารถคว้าบัลลงดอร์ 5 สมัย ทำให้สถาปนาตนเองเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของโลก ก่อนที่โรนัลโดจะตามมาติดๆ ด้วยการคว้าบัลลงดอร์สมัยที่ 5 เทียบเท่ากับคู่แข่งตลอดกาลรายนี้ ทั้งคู่มีสถิติการยิงประตูที่น่าเหลือเชื่อ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่สมบูรณ์แบบ แม้นามสโมสรทั้งคู่จะสุดยอดเพียงไหน แต่ในนามทีมชาติแล้วพวกเขายังมีสิ่งหนึ่งที่ติดค้างในใจ คือการเป็น “แชมป์ฟุตบอลโลก” เมสซี เข้าใกล้แชมป์โลกมากกว่าโรนัลโด ด้วยการทะลุเข้าถึงรอบชิงฟุตบอลโลกในปี 2014 แต่พ่ายแพ้ต่อ เยอรมนี ไป 1-0 แต่เมื่อเทียบผลงานระดับทีมชาติ โรนัลโด เหนือกว่าเมสซี ด้วยการพาโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูโรได้สำเร็จในปี 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส

หากจะบอกว่าโรนัลโดมองเมสซีเป็นคู่แข่ง หรือ เมสซีมองโรนัลโดเป็นคู่แข่ง ก็ไม่ถูกนัก เพราะบ่อยครั้งที่ทั้งคู่มีโอกาสได้เจอกันและมักจะคุยกันปกติ โดยเฉพาะลูกชายคนโตอย่าง คริสเตียโน จูเนียร์ ก็ชื่นชอบเมสซีมากกว่าพ่อของตน ที่สำคัญยังมองเมสซีเป็นไอดอลอีก ทำให้หลายคนมองว่าหากวันหนึ่ง เมสซี ลงสนามโดยที่หันไปไม่เจอคู่แข่งตลอดกาล โรนัลโด ในสนาม หรือการที่ โรนัลโด ตัดสินใจย้ายไปเล่นที่อิตาลี อาจจะทำให้เขาหวนคิดถึงเมสซี คู่แข่งตลอดกาลคนเดิมที่มีฝีเท้าสมน้ำสมเนื้อกับเขามากที่สุดได้

ข้อมูลน่ารู้ของ คริสเตียโน โรนัลโด

– โรนัลโด เป็นคนไม่กินเหล้า

แม้เขาจะเป็นคนชอบเข้าสังคมมากแค่ไหนก็ตาม โรนัลโด จะเป็นคนไม่กินเหล้าเลย โดยเต็มจะทำแค่จิบไวน์เล็กๆ น้อยๆ ด้วยความที่เป็นคนเคร่งครัดในเรื่องของสภาพร่างกาย และส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อแท้ๆ ของเขาตายเพราะเหล้า

– โรนัลโด ไม่สักแม้แต่จุดเดียว

แม้สตาร์ดาวดังทั่วโลกในทุกๆ วงการชื่นชอบการสัก ไม่เว้นแม้แต่นักฟุตบอลระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี หนึ่งในเพื่อนร่วมอาชีพที่ก็สักเต็มร่างกาย ส่วนเหตุผลที่ โรนัลโด ไม่สักเพราะเขาต้องการจะที่บริจาคเลือดในทุกๆ 3 เดือน

– ชื่นชอบการบริจาคเดือด

โรนัลโด ตั้งเป้าความตั้งใจที่จะบริจาคเลือดในทุกๆ เดือน เนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์ที่ เพื่อนร่วมทีมชาติโปรตุเกส มีลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคด้านเกร็ดเลือด ทำให้เขามีโอกาสได้บริจาคเลือดและรู้สึกว่าการบริจาคนั้นสามารถช่วยเหลือชีวิตคนได้ ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาพยายามจะบริจาคเลือดตลอดเมื่อมีโอกาส หรือเปิกประมูลรองเท้าทองคำ ของตนเองที่ได้รับเมื่อปี 2011 เพื่อเป็นการสมทบทุนช่วยเหลือเด็กๆ และสร้างโรงเรียนที่ฉนวนกาซา ประเทศปาเลสไตน์ รวมไปถึงบริจาคเงินถึง 7 ล้านยูโร หรือ 262 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากแผ่นดินไหว ที่ ประเทศเนปาล อีกด้วย

– โรนัลโด ไม่ดูดบุหรี่

ใครๆ ก็คงจะรู้ดีว่า โรนัลโด เป็นคนที่รักสุขภาพของตนเองมากๆ เรียกได้ว่าเป็นสายเฮลตี้โดยแท้ทรู

– โรนัลโด มีโครงการกุศลมากมาย

โรนัลโด้ เข้าร่วมโครงการด้านการกุศลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการดูแลเด็กด้อยโอกาส โครงการดูแลเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็ง และทุกๆ โครงการที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ CR7 จะเข้าไปช่วยเหลืออยู่ตลอด  เช่น จ่ายเงินส่วนตัวกว่า 3.3 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือหนูน้อยวัย 10 เดือน ที่ป่วยเป็นโรคลมชักจากคามผิดปกติทางสมอง

ronaldo-help-childen-indonesia

– เด็กชายที่มีชื่อว่า มาร์ตูนิส

ในปี 2004 เกิดคลื่นยักษ์สึนามิโถมเข้าถล่มอินโดนีเซีย  เด็กน้อยนามว่า “มาร์ตูนิส” วัย 9 ขวบ มีชีวิตรอดราวกับปาฏิหาริย์ และขณะเกิดเหตุได้สวมเสื้อทีมชาติโปรตุเกสของ คริสเตียโน โรนัลโด ทำให้ดาวเตะระดับโลกบินไปหา มาร์ตูนิส ก่อนที่จะมอบเสื้อทีมชาติ พร้อมสร้างบ้านใหม่ให้ ในปี 2013 โรนัลโด ได้บินกลับมาเยี่ยมที่อินโดนีเซียอีกครั้ง ในฐานะตัวแทนขององค์กร อนุรักษ์ป่าชายเลน และพบกับมาร์ตูนิสอีกครั้งในฐานะทูตของโครงการนี้ ก่อนที่ 8 ปีต่อมา มาร์ตูนิส จะเข้าได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเยาวชนของ สปอร์ติง ลิสบอน

– รักและให้เกียรติแฟนบอลตนเองอย่างมาก

โรนัลโด คือ หนึ่งในนักเตะที่รักแฟนบอลและแคร์แฟนบอลของตนเองแบบสุดหัวใจ มีครั้งหนึ่งเขาได้เตะบอลออกข้างสนาม แต่ลูกฟุตบอลกลับไปโดนหนูน้อยวัย 11 ปี คนหนึ่งจนแขนหัก เขาได้รีบเดินไปมอบเสื้อพร้อมลายเซ็นให้แฟนบอลรายนั้นทันทันที รวมถึงในปี 2011 โรนัลโด ได้เตะบอลไปโดนหน้าแฟนบอลชายรายหนึ่ง ก่อนที่จบเกมเขาได้เดินปรี่ไปหาแฟนบอลรายนั้นทันที ก่อนจะมอบเสื้อแข่งวันนั้นให้เป็นการขอโทษ รวมถึงบ่อยครั้งโรนัลโดจะเข้าพบแฟนบอลของตนเองเป็นการส่วนมาบ่อยๆ เช่น หนูน้อยรายหนึ่งที่เป็นแฟนบอลของ เรอัล มาดริด ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องการมาชมเกมการแข่งขันจริงๆ สักครั้ง แต่เมื่อจบเกมโรนัลโดได้เดินทางเข้าพบส่วนตัวเลยทีเดียว

ronaldo-support-children

– สร้างพิพิธภัณฑ์ ของตนเองในบ้านเกิด

เขามีความต้องการสร้างรายได้ให้กับประเทศรวมถึงบ้านเกิดของตนเอง ด้วยการสร้างพิพิธภัณฑ์ของตัวเอง ที่จะเป็นการรวบรวมถ้วยรางวัลในระดับสโมสร ทีมชาติ ร่วมถึงรางวัลส่วนตัวทั้งหมดมาตั้งไว้ภายในนี้ เพื่อให้บรรดาแฟนบอลได้เข้ามาชมและเดินทางมาเที่ยว โดยตั้งอยู่ในบ้านเกิดอย่าง “มาเดียร่า”

– โรนัลโด มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง

คริสเตียโน โรนัลโด มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเองด้วยการลงทุนหุ้นกับพี่สาว ภายใต้ชื่อ “CR7” ปัจจุบันมี 2 สาขา ตั้งอยู่ที่เมืองลิสบอนและมาเดียร่า ประเทศโปรตุเกส

– ลูกคนโต คริสเตียโน จูเนียร์

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าโรนัลโดมีลูกแท้ๆ เพียงแค่ 3 คน ที่กำเนิดจากแฟนปัจจุบันอย่าง “จอร์จิน่า โรดริเกซ” แต่ในความจริง โรนัลโด มีลูกแล้วทั้งหมด 4 คนด้วยกัน โดยคนโตมีชื่อว่า คริสเตียโน จูเนียร์ ซึ่งเป็นลูกที๋ โรนัลโด ดูแลเลี้ยงเดี่ยวมาโดยตลอด ซึ่งมีคุณแม่โรนัลโดช่วยเลี้ยงดู ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าแม่จริงๆ ของหนูน้อยรายนี้คือใคร

คลิปวีดีโอน่าสนใจของ คริสเตียโน โรนัลโด

รวมทุกลีลา ความสามารถ ตัวตนของ คริสเตียโน โรนัลโด

รวมทุกประตูที่ทำได้ของ คริสเตียโน โรนัลโด กับแมนยู 118 ประตู

ข้อมูลจากสโบเบท

ประวัติ เจก พีค็อก นักชกแขนเดียว ONE ทักษะมวยไทยยอดเยี่ยม

เจก พีค็อก นักชกมวยไทยที่กำลังน่าจับตามองในเวลานี้ ด้วยร่างกายที่มี แขนเดียว กับ แขนครึ่งท่อน ทำให้หลายคนมองว่าเขาน่าจะเสียเปรียบคู่ต่อสู้แน่ แต่ที่ไหนได้เขามีจังหวะการเข้าต่อยดี สามารถปล่อยอาวุธออกมาได้สวยงาม...[...]


ประวัตินักมวย กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย หมัดซ้ายอุกกาบาต น่ากลัวรุนแรง

กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย นักมวยไทยที่มีท่าไม้ตายพร้อมจัดการคู่ต่อสู้ด้วยท่าไม้ตาย ซ้ายอุกกาบาต ฉายานี้เท่มาก เพราะเจ้าตัวมีพลังหมัดซ้ายรุนแรงจนทำให้คู่ต่อสู้ที่โดนตัดลำตัวหน้าทองต้องทรุดน็อกแทบทุกราย...[...]


ประวัติ Jayden danns ตามฝันพ่อสำเร็จ สู่กองหน้าดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล

Jayden danns (เจย์เดน อเล็กซานเดอร์ แดนส์) เด็กหนุ่มดาวรุ่งหัวฟูแห่งยอดทีม ลิเวอร์พูล กำลังฉายแววความเก่งของตัวเองให้คนทั่งโลกได้เห็นฟอร์มการเล่นของเขามากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดสามารถลงสำรองไปเอาชนะยอดทีม เชลซี ลงได้สำเร็จในรายการ คาราบาวคัพ...[...]


ประวัติ Jonathan Haggerty จอมปราบมวยไทย คว้าแชมป์โลก ONE

Jonathan haggerty (โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี) นักกีฬามวยไทย จากประเทศอังกฤษ โดยตัวเขากำลังได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก ด้วยฝีมือการต่อยฝึกซ้อมมวยมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขายังรักวิชามวยไทยมากด้วย โดยในตอนนี้เขาเป็นนักกีฬา One Championship เนื้อหอมมากที่สุด...[...]


ประวัติ สมิงดำ ลูกสวน มวยบู๊ เจ้าของฉายา เต่านินจาเมืองไทย หมัดแรงดุดัน

สมิงดำ ลูกสวน นักมวยไทย ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งเวที ONE ลุมพินี ที่มีการต่อยดุดัน กล้าแลกหมัดคู่ต่อสู้ได้อย่างสนุก แถมเขายังฐานแฟนคลับมากยิ่งขึ้นในไทย ทำให้เวลานี้ สมิงดำ มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศไทย...[...]



©2014 SBOBETONLINE24.COM ALL RIGHTS RESERVED. POWERED BY SBOBET.